“ห้วยขวาง” ไชน่าทาวน์ 2 ขุมทรัพย์คนจีน

20 ส.ค. 2566 | 09:13 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2566 | 09:27 น.

ห้วยขวาง รัชดาฯ ขุมทรัพย์คนจีนสร้างรายได้ทุกระดับลงทุน ทำกิจการร้านค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม “ชัชชาติ”  ตรวจสอบเข้มนอมินีทุกเขต รวมถึงเขตสัมพันธวงศ์ เยาวราช  สกัดสร้างอาณาจักรผิดกฎหมาย

 

"ห้วยขวาง"ย่านการค้า แหล่งบันเทิง และการอยู่อาศัย บนถนนรัชดาภิเษก ปัจจุบันกลายเป็นไชน่าทาวน์แห่งใหม่ของเมืองไทย  โดยมีชาวเน็ต ขนานนาม “มณฑลไท่กั๋ว”  เพราะมีคนจีนปักหลัก อยู่อาศัย-ทำธุรกิจ ค้าขายกันมากแบบครบวงจร รวมถึงรองรับกลุ่มคนจีนด้วยกันมาจับจ่ายใช้บริการโดยที่รายได้ไม่เข้าประเทศไทย

หากเดินหลงเข้าไป คิดว่า เดินท่องอยู่ในดงดินแดนมังกร ที่เห็นดาษดื่นตาคือ สัญลักษณ์ ป้ายอักษรภาษาจีนทำให้ ใครที่เดินทางมาในย่านห้วยขวางจะพบว่า ตึกแถวแทบทุกห้องกลายเป็นของคนจีน รวมถึงโรงแรม คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร แผงค้าต่างๆ จากริมถนนรัชดาฯสถานีห้วยขวางทอดยาวเข้าไปในซอยจรดถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ

 

กลายเป็นจุดเด่นของพื้นที่ ที่แตกต่างจาก เยาวราช ไชน่าทาวน์เมืองไทย ย่านค้าขายเก่าแก่ของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดบรรพบุรุษมานับร้อยๆปี สถานที่ท่องเที่ยว สตรีทฟู้ดชื่อดังระดับโลกที่ต่างชาติรู้จัก ขณะเดียวกันได้มีคนจีนรุนใหม่เข้ามาจับจองพื้นที่กันมาก และขยายอาณาจักรมายังย่านห้วยขวาง

ห้วยขวาง

ที่ มักพบว่าเป็นชาวจีนรุนใหม่ เข้ามาอยู่กันมาก และถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า ที่นี่จะเป็นศูนย์รวมของจีนเทาสร้างอาณาจักรสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น หรือไม่ เพราะปรากฏหลักฐานจากคดีอื้อฉาว “ตู้ห่าว”  มองว่ามีการใช้นอมินี คนไทยร่วมมือเป็นขนวนการ สร้างรายได้จากห้วยขวาง แล้วส่งเงินกลับบ้าน หรือทำมาหากินใช้จ่ายเหมือนคนไทยตามปกติขัดต่อกฎหมายและแย่งอาชีพคนไทย

ส่งผลให้ถนนรัชดาฯเป็นทำเลคนจีนคุ้นชินนิยมใช้ชีวิต  ทั้งโรงแรม สถานบันเทิง คอนโดมิเนียม ที่สำคัญเดินทางสะดวก ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และสถานทูตจีน ที่ดีเวลลอปเปอร์ไทยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมรองรับลูกค้าจีนจำนวนมาก

สำนักงานเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่นิ่งนอนใจ ได้ตรวจสอบพบพฤติกรรม ที่ไม่ใช่ลักษณะคนจีนเข้ามาซื้อ อสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ยังเปิดหน้าซื้อตึกแถวค้าขายทำธุรกิจอย่างเปิดเผย  และพบคนจีนใช้ชีวิตอยู่สบายในเขตห้วยขวาง ดุจดั่งอยู่ในมณฑลไท่กั๋ว ประเทศจีน มณฑล 

มีนักลงทุนชาวจีนไม่น้อย เข้ามาปักหลัก สร้างรายได้ในไทยและแผ่ขยายอาณาจักรออกไปโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร เชื่อมการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ รวมไปถึงบริเวณโดยรอบ สถานทูตจีน รวมถึงแถบเขตลาดกระบังรอบสนามบินสุวรรณภูมิที่มักซื้อบ้านหรู

ใกล้โรงเรียนนานาชาติ แต่นั่นซื้อในนามนิติบุคคลและเป็นคนจีนที่ทำธุรกิจในไทยและประเทศใกล้เคียงที่กฎหมายเอาผิดยากกรณีต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรพร้อมที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะซื้อในนามบริษัทสัญชาติไทย 

กรณีคนจีนย่านห้วยขวาง ทางกทม.หารือหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งสางปัญหานอมินีผู้ประกอบกิจการชาวต่างชาติ โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกทม.โดยระบุว่ากทม.ให้ความสำคัญกับการ ตรวจสอบ ธุรกิจของชาวต่างชาติในในย่านห้วยขว้าง รัชดาฯ

นายชัชชาติ มองว่าไม่ได้เน้นเพื่อไปจับผิด เพราะธุรกิจเหล่านี้สามารถมองได้อีกมุม คือ การกระตุ้น การท่องเที่ยวจากคนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม หากมีการกระทำที่เป็นลักษณะของนอมินี (การถือหุ้นแทนคน

ต่างชาติหรือการอำพรางชื่อผู้ถือหุ้นที่แท้จริงเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย) จะประสานกับกระทรวงพาณิชย์ไป รวมถึงตรวจสอบว่าการนำเข้าของต่างประเทศมาขายดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่

กรณีเขตห้วยขวางมีธุรกิจของคนจีนจำนวนมากในพื้นที่ จากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดอยู่ 4 แห่ง เช่น ขายของโดยไม่มีฉลาก ไม่มีการจดทะเบียนการค้าต่างๆ ส่วนในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ซึ่งมีพื้นที่เยาวราชก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่เน้นยํ้าให้ไปตรวจสอบ

 นายชัชชาติ ยํ้าว่า กทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามเดินหน้าลุยโดยต้อง บูรณาการกับหลายหน่วยงานด้วย ทั้งนี้ มีทั้งแง่บวกทั้งแง่ลบ ซึ่งในแง่บวก ถ้าทำถูกกฎหมายก็เป็นการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติรู้สึกอุ่นใจเวลามาอยู่เมืองไทย แต่ในแง่ลบคือการผิดกฎหมาย ต้องดูว่าของที่เอามาเสียภาษีไหม ไปแย่งอาชีพคนไทยหรือไม่ และต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ และพยายามจะตรวจสอบทุกเขต

  สอดคล้องกับพลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. เสริมว่า   ที่ผ่านมา ได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ กทม. และตำรวจ มาพูดคุยกันที่สำนักงานเขตห้วยขวาง เพื่อหารือเกี่ยวกับระบบวิธีการทำงานในพื้นที่เขตห้วยขวาง กรณีมีชาวต่างชาติมาประกอบอาชีพอยู่ค่อนข้างมาก และปรากฏเป็นข่าวอยู่ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ในลักษณะล้อเลียนว่า ที่นี่คือเมืองของประเทศนั้นประเทศนี้

จากการหารือได้รับข้อมูลในชั้นต้นว่าชาวต่างชาติที่มาประกอบกิจการในพื้นที่เขตห้วยขวางทั้งหมดใช้นอมินีแทบทั้งสิ้น เป็นการให้คนไทยถือหุ้นแทนแต่ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง รวมถึงพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์มีค่อนข้างมาก  และได้แนะนำให้ผู้อำนวยการเขตอื่นควรศึกษา พ.ร.บ. ของกระทรวงพาณิชย์ มาตรา 42 ที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาขอเปิดประกอบกิจการในรูปแบบกิ๊ฟชอป และความเป็นจริงผู้จดทะเบียนเป็นคนไทยแต่แรงงานอาจไม่ใช่คนไทย

 นอกจากนี้ ได้มีการหารือว่าหากเกิดเหตุในพื้นที่ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จากที่คุยกันได้ข้อมูลว่าในพื้นที่เขตห้วยขวางหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่มีเรื่องชาวต่างชาติ จะมีส่วนราชการจำนวนมากที่สามารถเข้าไปดูแลได้ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีบทบาทหน้าที่เฉพาะของตน เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และ กทม. อีกทั้งในพื้นที่เขตห้วยขวางมีสถานีตำรวจอยู่ 5 สถานี

จากการหารือทำให้ทราบว่าผู้อำนวยการเขตต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะเจ้าของพื้นที่ที่ดูแลฝ่ายปกครอง โดยเขตห้วยขวางจะเป็นต้นแบบสำหรับเขตอื่นๆ ในการทำงานต่อไป โดยที่ผ่านมามีการปิดไปแล้ว 4 ร้านที่ทำผิดเกี่ยวกับเรื่องผิดประเภทของการขออนุญาต