รัฐลุยตั้งสมาร์ทซิตี้ 105 แห่ง ภายในปี2570

22 พ.ย. 2566 | 09:59 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2566 | 10:19 น.

รัฐลุยตั้งสมาร์ทซิตี้ 105 แห่ง ภายในปี’70 ยกระดับชีวิตคนไทยทั่วประเทศ หลัง เริ่มงาน Thailand Smart City Expo 2023 รวมนวัตกรรมเพื่อเมืองอัจฉริยะ

 

การสนับสนุนของรัฐบาลเป็นวาระแห่งชาติ สำหรับการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” เพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศ หลังจากก่อตั้งเมืองอัจฉริยะไปแล้ว 36 เมือง จาก 25 จังหวัด ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชนเมือง พร้อมจับมือ เอ็น.ซี.ซี.  จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023” ระดมบริษัทชั้นนำกว่า 300 ราย ร่วมโชว์สินค้าเมืองไฮเทค คาดจะมีผู้นำเมืองมากกว่า 100 แห่ง เข้าร่วมสร้างเครือข่ายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในอนาคต ต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

 

 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างพิธีเปิดงานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ. 2566 “Thailand Smart City Expo 2023” ว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน จึงได้กำหนดให้แผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ ให้เป็นวาระแห่งชาติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

ภูมิธรรม เวชยชัย

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม  ไม่ว่าจะเป็นชีวิต ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ดังนั้น สมาร์ทซิตี้จึงตอบโจทย์ภาครัฐในด้านการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data และใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการประเทศ รวมถึงกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

ภูมิธรรม เวชยชัย

สมาร์ทซิตี้

 

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ส่งเสริมการพัฒนาเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการออกแบบนโยบายการขับเคลื่อนของประเทศ ให้เหมาะสมกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ และมีเมืองที่ได้รับ “ตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย” แล้ว 36 เมือง จาก 25 จังหวัด ซึ่งเป็นการแสดงถึงความพร้อมในการพัฒนาเมืองโดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับนานาชาติด้านเมืองอัจฉริยะ หรือ “Thailand Smart City Expo 2023” โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นับเป็นเวทีแห่งโอกาสธุรกิจประจำปีที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะได้อย่างก้าวกระโดด และยั่งยืนเร็วยิ่งขึ้น

เนื่องจากเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเทคนิคและความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเมือง ทำให้เกิดการให้บริการประชาชนอย่างชาญฉลาด เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

งานสมาร์ทซิตี้

อย่างไรก็ดี การจะบรรลุถึงเป้าหมายในการพัฒนา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน สถาบันการศึกษา และพันธมิตรนานาประเทศ ซึ่งวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในแบบอย่างของความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาประเทศอย่างมีส่วนร่วม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ อย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงได้กำหนดนโยบายและมอบหมายให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพัฒนามาตรการดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ Smart City ด้วยมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับนักลงทุนในเมืองอัจฉริยะ สูงสุดถึง 100% ของเงินลงทุนและไม่จำกัดวงเงิน ในระยะเวลาสูงสุด

3 ปี และจากเดิมนักลงทุนจะสามารถขอลดหย่อนภาษี กรณีลงทุนด้านดิจิทัล ใน Smart City สูงสุด 50% แต่แนวนโยบายนี้ได้ให้โจทย์ดีป้า และ BOI ไปสานต่อ โดยต้องการให้นักลงทุนใน Smart City ที่ซื้อสินค้าและบริการ บัญชีบริการดิจิทัล จะได้รับการลดหย่อน เพิ่มเติมอีก 50% โดยที่ “บัญชีบริการดิจิทัล” นี้ จะเชื่อมต่อสินค้าและบริการดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ Smart City แต่ละเมือง สามารถเลือกสินค้าและบริการด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ และได้รับราคาที่เป็นธรรม โดยหน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกใช้สินค้าและบริการ ในบัญชีบริการดิจิทัลได้ด้วยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างกรณีพิเศษ และหน่วยงานภาคเอกชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการลดหย่อนภาษี สูงถึง 200%

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินการผลักดันมาตรการด้านการพัฒนาข้อมูล โดยส่งเสริมให้ใช้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP) ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับเมืองไปสู่เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ที่จะช่วยให้เมืองสามารถ ติดตาม และประเมินผลการยกระดับเมือง รวมถึงนำไปสู่การตัดสินใจลงทุน และสร้างนโยบายบริหารเมืองที่เหมาะสมต่อไป

ส่วนการจัดงาน Thailand Smart City Expo 2023 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ดีป้า ภายใต้กระทรวงดิจิทัลฯ และบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้น แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เราขอใช้โอกาสนี้เป็นเวทีเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้สนใจสามารถมาศึกษาเรียนรู้ ตลอดจนระดมสมอง ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ทั้งยังเป็นการรวมตัวของผู้นำเมืองมากกว่า 100 เมือง ทำให้เกิดเครือข่ายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในอนาคต รวมถึงจะมีพิธีมอบรางวัล The Smart City Solutions Awards 2023

เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่ผลงานต้นแบบของบริการเมืองอัจฉริยะ และเป็นต้นแบบของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริการประชาชนต่อไป และเพื่อกระตุ้นการใช้บริการเทคโนโลยีของผู้ประกอบการในประเทศ ให้ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเลือกใช้บริการที่มีมาตรฐานและราคาเหมาะสม ดีป้า จึงมีการขึ้นทะเบียนตราสัญลักษณ์ dSURE (ดี-ชัวร์) สำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิทัล และจัดประกวด Smart City Solutions Awards 2023

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023” ในครั้งนี้ ทีเส็บเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี และมีพันธกิจหลักในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองและประเทศไทย โดยใช้ MICE ซึ่งประกอบด้วย Meeting and Incentive, Convention, Exhibition และ Event เป็นเครื่องมือการตลาดในการสร้าง ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดงาน จ้างงาน และสร้างรายได้ เพื่อเอื้อต่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งการพัฒนาเมืองและชุมชนขนาดใหญ่ไปสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันธุรกิจ MICE เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะสมาร์ทซิตี้จะก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการจัดประชุม งานแสดงสินค้า และนิทรรศการสมัยใหม่ ที่ต้องอาศัยการเดินทางที่สะดวกสบาย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัยสูง และมีโครงข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นหากสามารถกระจายสมาร์ทซิตี้ไปได้ทั่วประเทศ ก็จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการจัดงาน MICE ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี ระยะที่ 3 ระหว่างปี พ.ศ. 2556–2575 ซึ่งมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียวสะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ และการบริหารจัดการมหานคร โดยการที่จะได้บรรลุยุทธศาสตร์ตามที่ได้วางแผนไว้นั้น การประยุกต์ใช้สมาร์ทเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีอัจฉริยะนับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมือง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับ “งานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ.2566” หรือ “Thailand Smart City Expo 2023” ครั้งที่สองนี้ นับเป็นเวทีนำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะในการพัฒนาเมืองผ่านส่วนงานแสดงสินค้า และเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมสัมมนาภายในการจัดงานครั้งนี้

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน “Thailand Smart City Expo” ในครั้งนี้ เป็นการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยงานนี้ได้รวบรวมสินค้า นวัตกรรม องค์ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพัฒนาและยกระดับเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพเมืองของประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศ CLMV

โดยภายในงานจะแบ่งหมวดหมู่เทคโนโลยีออกเป็น 7 ด้านสำคัญสำหรับ Smart City ได้แก่ Smart Telecom, Smart Energy, Smart Living, Smart Industry & Retail, Smart Mobility, Smart Environment และ Smart Healthcare ซึ่งจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำกว่า 300 บริษัท รวมถึงพาวิลเลียนจากต่างประเทศ โดยไฮไลท์ที่สำคัญของปีนี้ จะมีการจัดเสวนาระดับนานาชาติ เรื่องทิศทางการพัฒนาเมืองของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และเมือง Smart City ต้นแบบจากญี่ปุ่น รวมถึงการประชุม การเสวนาขยายผลจากนโยบายด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล

นอกจากนี้ การจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023”จะเป็นเวทีสำหรับผู้บริหารเมืองได้มาสัมผัสถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีล้ำสมัย และผู้บริหารโครงการภาครัฐและเอกชน ในฐานะผู้ซื้อ จะได้มาเลือกสรร และศึกษานวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ ล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อดำเนินโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกัน งานนี้ก็จะเป็นเวทีสำหรับเจ้าของเทคโนโลยี บริษัทผู้ให้บริการและผู้แทนจำหน่ายจะได้พบกับผู้ซื้อโดยตรงจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน

 

เริ่มแล้ว