ORI เปิดรายได้ครึ่งปี 6.6 พันล้าน แบ็คล็อก 4.7 หมื่นล้าน Q3 จ่อโอนอีก 3 โครงการ

18 ส.ค. 2567 | 09:07 น.
อัพเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2567 | 09:35 น.

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เผยแบ็คล็อกแข็งแกร่งกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท หลังกวาดรายได้ครึ่งปีแรกทะลุ 6.6 พันล้านบาท จ่อโอนกรรมสิทธิ์ 3 โครงการคอนโดใหม่ในไตรมาส 3/2567 มูลค่ารวมกว่า 4,200 ล้านบาท มั่นใจรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 71

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 (30 มิ.ย.2567) บริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (แบ็คล็อก) จากทั้งโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมรวม 47,135 ล้านบาท

โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดขายจากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกว่า 18,331 ล้านบาท และรับรู้รายได้รวมแล้วกว่า 6,651 ล้านบาท

สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัทเตรียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มเติม 3 โครงการ ได้แก่ โซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์ ไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท-พระราม 4 และ ออริจิ้น เพลย์ พหล 50 สเตชั่น

โดยทั้ง 3 โครงการมีมูลค่าแบ็คล็อกพร้อมโอนรวมประมาณ 4,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 90% ของมูลค่าโครงการ

นอกจากนี้ ยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่จะทยอยโอนต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2567 อีก 2 โครงการ ได้แก่ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น และออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น มีมูลค่าแบ็คล็อกพร้อมโอนต่อเนื่องอีกราว 2,400 ล้านบาท

พีระพงศ์ จรูญเอก

แม้เศรษฐกิจปีนี้จะไม่ง่าย แต่ด้วยแบ็คล็อกที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคงมีรายได้ที่รอรับรู้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจัยภายนอก นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับช่วงไตรมาส 4/2567 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมอีกประมาณ 11,000 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวใหม่ไปแล้วราว 8,980 ล้านบาท

โดยจะเลือกพัฒนาโครงการในทำเลที่มีความต้องการสูง และมีการทดสอบการตอบรับของลูกค้าก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ เน้นเปิดตัวเฉพาะโครงการที่มีจุดเด่นชัดเจน มีการตอบรับที่แข็งแกร่ง และอาจปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม โดยบริษัทมีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมด 

นอกจากนี้ ยังยึดแนวทางการร่วมทุนเป็นหลัก เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มคู่คิดที่มีความชำนาญในทำเล

ขณะเดียวกัน กลุ่มโครงการพร้อมอยู่ บริษัทเตรียมเดินหน้าจัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านการขอสินเชื่อ

อาทิ การรวมหนี้ผ่านธนาคารที่มีนโยบายรองรับ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นกู้ร่วม เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน การเสนอโครงการอื่นในทำเลใกล้เคียงที่ลูกค้ามีความสามารถชำระ เพื่อเป็นทางเลือก

พร้อมทั้งเดินหน้าโมเดลการขายโครงการไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ลูกค้าลงทุนระยะยาว ลูกค้าต่างชาติ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าองค์กร (Corporate) ที่มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมสำหรับพนักงาน

บริษัทยังได้รับการตอบรับที่ดีจากโครงการเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในย่านเตาปูน ที่กวาดยอดขายสะสมไปแล้วถึง 60% หลังเปิดขายเพียง 3 เดือน

และโครงการในโซนภูเก็ตที่กวาดยอดขายสะสมกว่า 80% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี โดยบริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ โซ ออริจิ้น กะตะ ภูเก็ต มูลค่าโครงการกว่า 1,650 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/2567 นี้

ตัวอย่างห้องในโครงการ โซ ออริจิ้น กะตะ ภูเก็ต

ทั้งนี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย ประกอบด้วย 1. ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 163 โครงการ 2. ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก  3. ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า และ 4. ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน  ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร