ตลาดอสังหาริมทรัพย์หนึ่งในเฟืองจักรสำคัญที่ทุกรัฐบาลใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ตามแม้จะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้างแต่มองว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากกำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนสูงขณะสต๊อกมีเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ผลประกอบการ ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์มีรายได้และผลกำไรครึ่งปีแรกปี2567ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของที่ผ่านมา
บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ LWS บริษัทวิจัย และ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)
สำรวจ ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2567 ของ 40 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่รายงาน ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบว่ามีมูลค่ารวม 154,767.62 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 13,322.01 ล้านบาท
ลดลง 0.08% และ 23.33 % ตามลำดับ เมื่อเทียบกับรายได้รวม และกำไรสุทธิ ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่ารวม 154,894.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 17,376.28 ล้านบาทตามลำดับ
ขณะความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยของทั้ง 40 บริษัท ในครึ่งปีแรก 2567 อยู่ที่ 8.60% ดีกว่าไตรมาสแรกของปี 2567 ที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ 7.68% แต่ลดลง จากความสามารถในการทำกำไร ที่ 11.22% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ขณะที่สินค้าคงเหลือ บวกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 707,738.38. ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.02% จาก 686,956.35 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้ ในครึ่งแรกของปี 2567 แล้ว
สินค้าคงเหลือบวกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 40 บริษัท จะใช้เวลาในการขายประมาณ 27-28 เดือน ในกรณีที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
ทั้งนี้ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) มีสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสูงสุดเมื่อเทียบกับทั้ง 40 บริษัทมีสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ 103,970.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14.69% ของสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เมื่อพิจารณารายได้รวมของ 10 บริษัทที่มีรายได้สูงสุด พบว่า อยู่ที่ 113,481.92 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.32% ของรายได้รวมทั้ง 40 บริษัท ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัท 10 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุดมีมูลค่ารวม 14,213.78 ล้านบาท
สูงกว่ากำไรสุทธิรวมของ 40 บริษัท เนื่องจาก มีบริษัทที่ ขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 15 บริษัทจาก 40 บริษัท ฉุดให้กำไรสุทธิรวมของทั้ง 40 บริษัท ต่ำกว่าของ 10 บริษัทที่มีกำไรสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทที่มีรายได้และกำไรสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) และ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)ตามลำดับ