บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดระยองและกรุงเทพฯ สร้างผลงานโดดเด่นด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์รวมที่ทะลุ 1,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยการเปิดตัวและโอนโครงการสำคัญ “ควินทารา มายเจน รัชดา-ห้วยขวาง” คอนโดมิเนียมระดับกลางในทำเลศักยภาพ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อชัดเจน เช่น พนักงานโรงแรม โรงพยาบาล และนักศึกษาในพื้นที่ ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมโครงการนี้พุ่งสูงถึง 60% ในเวลาอันสั้น
อีกทั้งยังมีแบ็คล็อกรอโอนท้ายปีมูลค่า 500 ล้านบาท ไปจนถึงปี 2568 มูลค่า 1,000 ล้านบาทรวมถึงมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลที่ เข่น นโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC ) ซึ่งเป็นทำเลสำคัญในการพัฒนาโครงการต่างๆ ของ ESTAR ในจังหวัดระยอง
นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ ESTAR ให้สัมภาษณ์ ถึงความสำเร็จว่า กลยุทธ์สำคัญในการดำเนินงานคือ การให้ความสำคัญกับทำเล และการค้นหากลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับแต่ละโครงการ เช่น ในโครงการคอนโดมิเนียม โดยมองหาลูกค้าจากกลุ่มพนักงานในโรงแรมและโรงพยาบาลในพื้นที่ หรือกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา
จากนั้นก็เข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งการโฆษณาออนไลน์และการแจกใบปลิวในจุดสำคัญ เช่น สถานีรถไฟฟ้าในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ทำให้เราสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
ESTAR ยังมีกลยุทธ์ที่ก่อสร้างโครงการโดยเน้นความรวดเร็วในการก่อสร้าง ซึ่งแต่ละโครงการใช้เวลาเพียงประมาณ 10-12 เดือนในการสร้างบ้านและคอนโดให้เสร็จพร้อมโอน ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการบ้านพร้อมอยู่
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพูดคุยกับธนาคารที่เป็นพันธมิตร 8-10 แห่งทุกๆ 3 เดือนเพื่อศึกษากลยุทธ์และเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อของแต่ละแห่ง และเน้นการคัดกรองลูกค้าและแนะนำธนาคารที่เหมาะสมกับลูกค้า เช่น ธนาคารที่เน้นสินเชื่อสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) หรือลูกค้าที่มีประวัติสินเชื่อที่ดี
เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละกลุ่ม โดยการปรับตัวให้เข้ากับเกณฑ์สินเชื่อและความต้องการของลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ และลดปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อ ลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านเป้าหมายในปี 2568 ESTAR ตั้งเป้ารายได้รวม 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้มีแบ็คล็อกที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทรอการโอนกรรมสิทธิ์ในปีหน้า โดยยังเดินหน้ากลยุทธ์หลักในการเร่งยอดขายและโอน คือการเปิดโครงการใหม่ให้เร็วสำหรับการเข้าอยู่อาศัย และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ในส่วนของแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ESTAR ได้เริ่มปรับตัวโดยเริ่มขยับเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี โดยเตรียมพัฒนาโครงการบ้านหรูในระดับราคา 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่บริษัทเล็งเห็นว่ามีความต้องการสูงในตลาด
ซึ่งในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการแกรนด์เวลาน่า 2 ที่บ้านฉาง จ.ระยอง ในไตรมาสที่ 2 และโครงการแบรนด์ใหม่ที่บางแวก-กาญจนาภิเษก ซึ่งมูลค่ารวมของโครงการอยู่ที่กว่า 1,200 ล้านบาท
และแนวทางในการมองหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ของ ESTAR บริษัทมุ่งเน้นทำเลที่ดินใกล้เมือง ใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษา ซึ่งแม้จะไม่ใช่พื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ยังคงมีกำลังซื้อสูง โดยคาดว่าจะขายได้อย่างรวดเร็วภายในสามปี เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาที่อยู่อาศัยคุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพ
สำหรับการปรับตัวในครั้งนี้ นายไพโรจน์ เปิดเผยว่า ESTAR เล็งเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีในช่วงราคา 15-20 ล้านบาทที่กำลังเป็นที่ต้องการสูง
บริษัทจึงมุ่งเน้นการเจาะตลาดนี้เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าด้วยการพัฒนาโครงการบ้านที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยที่หรูหรา แต่ยังคงสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป
ESTAR ใช้กลยุทธ์ในการสร้างโครงการบ้านลักชัวรีระดับราคา 20 ล้านบาท ที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด โดยการสร้างบ้านที่เน้นการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ราคาบ้านของ ESTAR ยังอยู่ในระดับที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับผู้พัฒนารายอื่นที่เน้นเซ็กเมนต์บ้านหรูในราคาสูงกว่านี้ โดยการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้เป็นการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด และป้องกันไม่ให้ติดกับดักรีเจกต์เรทที่สูงในกลุ่มตลาดบ้านราคากลาง