จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดที่อยู่อาศัยปี 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่องจากปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายสูง
และรวมถึงการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากขึ้น ทำให้คาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะลดลงราว 1%-3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์อาจทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยราว 0%-2%
ในด้านการเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องราว 2%-4% โดยเน้นพัฒนาโครงการระดับราคาปานกลาง-บน เพื่อตอบสนองกำลังซื้อที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกัน โครงการระดับปานกลาง-ล่างยังคงถูกพัฒนาอย่างระมัดระวัง เน้นเฉพาะทำเลที่มีความต้องการสูง และการระบายสินค้าคงเหลือเป็นหลัก
ความเข้มงวดของสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันหลักที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง อย่างไรก็ตาม ตลาดต่างชาติยังคงเป็นกำลังสำคัญ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่มีความสนใจในทำเลสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี และเชียงใหม่
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG และการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในตลาดยุคใหม่
ในภาพรวม แม้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จะยังเผชิญแรงกดดันหลายประการ แต่การปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสม การขยายตลาดต่างชาติ และการพัฒนาภายใต้กรอบ ESG จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการยังสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ได้ในระยะยาว