นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า การเคหะแห่งชาติมีนโยบายให้เอกชนยื่นข้อเสนอการได้สิทธิเช่าเหมาและบริหารชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน สร้างงาน สร้างรายได้ และลดการพึ่งพางบประมาณจากรัฐบาล
รวมถึงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและแก้ปัญหาให้ชุมชนอย่างตรงจุดและรวดเร็ว เพราะเอกชนมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ รวมถึงมีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานที่สำคัญยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการชุมชนให้การเคหะแห่งชาติอีกด้วย
ข้อดีของการให้เอกชนเข้ามาบริหารชุมชน นอกจากจะทำให้การเคหะแห่งชาติมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาคเอกชนจะมองหาแนวทางที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ ซึ่งอาจจะนำพลังงานทดแทน
เช่น โซลาร์เซลล์เข้ามาในโครงการ หรืออาจจะมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้จากขยะ และลดค่าใช้จ่ายในการจัดการอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางในการเพิ่มคุณภาพด้านการบริการและเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับโครงการที่เปิดให้สิทธิ (เช่าเหมา) และบริหารชุมชนในขณะนี้ มีจำนวน 13 โครงการ 10 สัญญา ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนกาฬสินธุ์ และโครงการบ้านพักข้าราชการกาฬสินธุ์ โครงการเคหะชุมชนฉะเชิงเทรา ระยะ 1 โครงการบ้านพักข้าราชการ อำเภอเมือง จังหวัดตาก
โครงการเคหะชุมชนประจวบคีรีขันธ์ โครงการเคหะชุมชนเพชรบูรณ์ โครงการบ้านพักข้าราชการ จังหวัดยโสธร 1-2 โครงการเคหะชุมชนร้อยเอ็ด โครงการเคหะชุมชนอุบลราชธานี 2 ส่วนที่ 1-2 โครงการบ้านพักข้าราชการ จังหวัดลำปาง และโครงการบ้านเอื้ออาทรสระบุรี (หนองไข่น้ำ)
เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ได้มาตรฐาน สร้างความพึงพอใจแก่ประชาชน ด้วยการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านกายภาพ ด้านภูมิสถาปัตยกรรมภายในโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อสวัสดิภาพการอยู่อาศัย และการบำรุงรักษาอาคาร เป็นต้น