"TNL" ปรับทัพลุยธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เต็มตัว

23 เม.ย. 2567 | 06:36 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2567 | 06:45 น.

"TNL" ปรับทัพลุยธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ NPLs  และ NPAs และ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังผู้ถือหุ้นมีมติไฟเขียวขายธุรกิจสิ่งทอ และ เครื่องนุ่งห่ม

บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL จัดประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น 2567 โดยมีนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ เป็นประธานในการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท ทีเอ็นแอลเอ็กซ์ จำกัด (TNLX) หรือธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท โดยมีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขาย 670 ล้านบาท โดยผู้ซื้อทั้ง 4 ราย เป็นบริษัทภายในเครือสหพัฒน์ประกอบด้วย

บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (ICC)

บริษัท บีเอสซี โซอิน จำกัด (BSC)

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) แ

ละบริษัท ไอ.ดี.เอฟ. จำกัด (IDF) 

TNL แจ้งว่า ธุรกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดโครงสร้างธุรกิจให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

โดยหลังจากขายธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเสร็จสิ้น TNL จะประกอบด้วย 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ NPLs  และ NPAs และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปี 2566 รายได้จากธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีรายได้ลดลงประมาณ 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบริษัทยังสดใส สะท้อนให้เห็นจากรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 56% ขับเคลื่อนโดยธุรกิจใหม่ทั้ง 3 ธุรกิจ ที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทว่า 840 ล้านบาท และรายการพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุน นอกจากนี้กำไรสุทธิและอัตรากำไรมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากทั้ง 3 ธุรกิจ โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 400% อยู่ที่ 513 ล้านบาท โดยกว่า 90% ของกำไรสุทธิมาจากธุรกิจใหม่ อัตรากำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็นร้อยละ 18% ในปี 2566 TNL จึงเล็งเห็นว่าทั้ง 3 ธุรกิจ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตและสามารถสร้างมูลค่าผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวให้กับบริษัทและผู้มีส่วนได้เสีย

 

TNL ปรับทัพลุยธุรกิจการเงินและอสังหาฯ เต็มตัว

นอกจากนั้น ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทดำเนินการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลดำเนินงานงวดปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 91.39 ล้านบาท