สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 0.35 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ 69.16 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 0.29 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 73.85 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 3.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันถูกกดดัน หลังนางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกเปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของเฟดภายในปีนี้นั้น เป็นการคาดการณ์ที่สมเหตุสมผลอย่างมาก
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของเดอะไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ประบุว่า เทรดเดอร์น้ำมันในตลาดโลกยังคงคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย โดยดูจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีและข้อมูลเศรษฐกิจของยูโซน
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อีก 0.50% ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในระดับมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี การเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของฝรั่งเศสและเยอรมนีที่ลดลงนั้นส่งผลกดดันราคาน้ำมันด้วย โดยดัชนี PMI ของฝรั่งเศสอยู่ที่ 47.36 ในเดือนมิ.ย. ลดลงจาก 51.2 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ของเยอรมนี ลดลงสู่ 50.8 ในเดือนมิ.ย. จาก 53.9 ในเดือนพ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันที่ 67.35 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนด้านเทคนิคที่แข็งแกร่ง
วลาดิมีร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์ระบุว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นจากแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณระดับ 67-67.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
หากสัญญาน้ำมันดิบลดต่ำกว่าระดับกล่าว บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า จะมีแรงเทขายออกมาอย่างมาก