นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ และร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ รวมถึงหาโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ โดยประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ OR คือประเทศกัมพูชาที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย
ทั้งนี้ OR จะมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างมั่นคง และได้เริ่มนำแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปทดลองในตลาดต่างประเทศแล้ว อาทิ แบรนด์อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย (Otteri wash&dry) ไปเปิดสาขาแรกใน PTT Station สาขา Chbar Ampov ถือเป็นการนำพันธมิตรของ OR ไปบุกเบิกตลาดร้านสะดวกซักในประเทศกัมพูชา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจให้กับเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในประเทศกัมพูชาที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 170 แห่ง
"จีดีพีเพื่อนบ้านยังเติบโตได้อีก OR จึงต้องพยายามหาสินค้าใหม่เพื่อขยายตลาดมากขึ้น และจะเป็นตลาดเสรี สามารถแข่งขันโดยการนำเข้าได้ โออาร์มีพีทีที 170 สาขา จึงคิดว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดที่ดี ซึ่งธุรกิจในกัมพูชาถือว่ามีการเติบโตที่ดี จึงโฟกัสเป็นบ้านหลังที่ 2 ดังนั้น OR จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเช่าที่ดินสร้างคลังน้ำมันกับ LPG ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท โดยตลาด LPG จะเน้นอุตสาหกรรมเป็นองคาพยพ"
นอกจากนี้ จากการที่ OR ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ได้รับอนุญาติเป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในรูปแบบการร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จประมาณ 80% แล้ว คาดว่าปีหน้าจะเปิด ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายจากการที่ปีหน้า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันด้วย จึงเห็นว่าการเจริญเติบโตจะมั่นคง ทั้งธุรกิจโฮเทลและน้ำมันเครื่องบิน
“ครึ่งปีหลังจะต้องจับตามองสภาพคล่องสหรัฐ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ เพราะเราทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันทำงานเกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลดูแลผู้บริโภค ดังนั้น รายได้จะสะท้อนมาจากราคาน้ำมัน ปีที่แล้วราคาดูไบเฉลี่ยที่กว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปีนี้เฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อคำนวณคงเทียบกับปีที่แลัวไม่ได้ ปีนี้จึงต้องพยายามทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ”
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่าไตรมาส 4/66 จะไม่มีการขาดทุน 100% เหมือนปีที่ผ่านมาแน่นอน โดยการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยต่าง ๆ อาทิ สภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตทั้งจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
นายดิษทัต กล่าวอีกว่า มองว่าผลดำเนินงานครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจ Mobility จะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยเฉพาะคาเฟ่ อเมซอน ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแผนการขยายสาขา เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้หลังจากโควิด ช่วยให้ปริมาณขายน้ำมันและคาเฟ่ อเมซอน เติบโตขึ้นในทุกประเทศเป็นสัญญาณบวก
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง OR จะมุ่งเน้นการลงทุนที่สามารถต่อยอด Value Chain อย่างชัดเจนตามพันธกิจของ OR ได้ในระยะยาว และการสร้าง Synergy ร่วมทั้งจากภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านสุขภาพ และ ความงาม (Health & Beauty) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กระแสหลัก เรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) และกลุ่มประชากรในวัยทำงานที่จะถือเป็นกลุ่มหลักของคนในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มของการใส่ใจสุขภาพ และความงาม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม
อีกทั้งยังมองอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือ การท่องเที่ยวและที่พัก (Tourism & Accommodation) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มสอดคล้องกับพันธกิจด้าน All Lifestyle ของ OR ที่ต้องการเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม จากการที่กลุ่มปตท. เข้าสู่ธุรกิจยา และผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม โดยเริ่มจากธุรกิจความสวยความงามและไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยา ดังนั้น OR จะเป็นพื้นที่รองรับทั้งสินค้าทัวไปและยา เป็นต้น
"โออาร์ปรับตัวรับการกระแทกได้ดี เพราะปัจจุบันเครื่องจักรหลัก คือ การท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงขึ้นกว่าเป้าหมาย จะเห็นได้ว่าน้ำมันเครื่องบินมีการฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดถึง 80% โดยมั่นใจว่าจะฝ่าฟันไปได้ เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมา หรือปีที่แล้วโดยเฉพาะไตรมาส 4 ก็ฝ่าฟันมาได้ แม้ครึ่งปีแรกราคาน้ำมันจะผันผวนก็ผ่านมาได้ ขณะที่ธุรกิจผู้ขายน้ำมันมีแนวโน้มลดลงทุกราย แต่ผลดำเนินงาน OR ยังแข็งแกร่ง เพราะมีโอกาสในการเติบโตหลายอย่าง มีแผนและไม่หยุดอยู่กับที่ โดยเฉพาะธุรกิจรีเทล อาหาร สุขภาพและความงามมากขึ้น"
นอกจากนี้ OR อยู่ระหว่างเปิดบริการสภานีบริการน้ำมันชุมชนเกือบ 90 อำเภอ โดยปลายปีนี้จะเปิด 1 ปั๊ม 1 อำเภอ เพื่อให้คนในชุมชนได้เป็นเจ้าของปั๊ม ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น กำลังจะมีเงินดิจิทัล จะเป็นโอกาสเพิ่มการใช้สอยให้กับประชาชน ดังนั้น ปั๊มชุมชนจะสามารถให้บริการคนในชุมชนนั้น ๆ ได้ มีเงินใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น
สำหรับคาเฟ่ อเมซอนไตรมาสแรกกับไตรมาส 2 ยอดขายโต 2.1% แม้จะขยายสาขาเยอะขึ้นก็ไม่กระทบสาขาเดิม ส่วนยอดขายแก้วอเมซอนโต 2.3% ส่วนขนมต่าง ๆ เติบโตเมื่อเทียบปีต่อปีที่ 7% ดังนั้น OR จะใช้ดาต้าช่วยให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ทั้งธุกิจเดิมและธุรกิจใหม่มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ