"ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" ทำผู้ใช้ชะลอก่อนแห่เติม ต้นเหตุเบนซินไม่มีขาย

09 พ.ย. 2566 | 05:39 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2566 | 10:59 น.

"ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" ทำผู้ใช้ชะลอก่อนแห่เติม ต้นเหตุเบนซินไม่มีขาย หลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพของประชาชนทางด้านพลังงาน ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ไว้ให้แล้ว

"ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" สำหรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์เป็นนโยบายช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนจากรัฐบาล เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นมา ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอนุมัติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ

อย่างไรก็ดี จากนโยบายดังกล่าวได้เกิดกรณีที่สถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) หลายแห่งไม่มีน้ำมันให้บริการ โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 รวมถึงน้ำมันประเภทอื่นที่ลดราคาตามมาตรการรัฐบาลและกระทรวงพลังงานที่ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน จนมีกระแสข่าวว่าสถานีบริการน้ำมันกักตุนน้ำมันไม่ยอมจำหน่าย

ขณะที่รัฐบาลเองโดยกระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการล่าสุดลงนามคำสั่งกระทรวงพลังงานที่ ๔๗/๒๕๖๕๖ แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ติดตามและ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการไม่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศขึ้นทันที

ส่วนผู้ประกอบการที่เป็นสถานีให้บริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) เองได้ยืนยันกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การปรับลดราคาครั้งนี้สถานีบริการไม่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐ ดังนั้น สถานีบริการที่ซื้อน้ำมันในราคาสูงก่อนหน้าวันปรับลดราคาจะขาดทุนในสต๊อก จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะกักตุนน้ำมัน 

แต่จากราคาที่ลดลงส่งผลให้ประชาชนชะลอการซื้อน้ำมันก่อนหน้านี้เพื่อรอซื้อน้ำมันราคาต่ำในวันที่เริ่มปรับลดราคา ทำให้สถานีบริการน้ำมันหมด ซึ่งจะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
 

จากข้อมูลดังกล่าวนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้ไปตรวจสอบข้อมูลปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ในประเทศไทย พบว่า

เบนซิน แก๊สโซฮอล์ 95

  • 1 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 17.66 ล้านลิตร
  • 2 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 16.40 ล้านลิตร
  • 3 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 17.26 ล้านลิตร
  • 4 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 17.45 ล้านลิตร
  • 5 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 7.78 ล้านลิตร
  • 6 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 8.56 ล้านลิตร
  • 7 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 32.75 ล้านลิตร

"ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" ทำผู้ใช้ชะลอก่อนแห่เติม เหตุเบนซินไม่มีขาย

เบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91

  • 1 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 8.11 ล้านลิตร
  • 2 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.76 ล้านลิตร
  • 3 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.47 ล้านลิตร
  • 4 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.09 ล้านลิตร
  • 5 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 1.99 ล้านลิตร
  • 6 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 2.08 ล้านลิตร
  • 7 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 18.71 ล้านลิตร

เบนซิน แก๊สโซฮอล์ E20

  • 1 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.58 ล้านลิตร
  • 2 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 4.75 ล้านลิตร
  • 3 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.10 ล้านลิตร
  • 4 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 5.26 ล้านลิตร
  • 5 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 2.81 ล้านลิตร
  • 6 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 2.89 ล้านลิตร
  • 7 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 10.86 ล้านลิตร

เบนซิน แก๊สโซฮอล์ E85

  • 1 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.08 ล้านลิตร
  • 2 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.07 ล้านลิตร
  • 3 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.03 ล้านลิตร
  • 4 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.04 ล้านลิตร
  • 5 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.03 ล้านลิตร
  • 6 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.02 ล้านลิตร
  • 7 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.18 ล้านลิตร

"ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" ทำผู้ใช้ชะลอก่อนแห่เติม เหตุเบนซินไม่มีขาย

เบนซิน

  • 1 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.57 ล้านลิตร
  • 2 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.40 ล้านลิตร
  • 3 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.29 ล้านลิตร
  • 4 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.24 ล้านลิตร
  • 5 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.06 ล้านลิตร
  • 6 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.12 ล้านลิตร
  • 7 พ.ย. มีปริมาณการใช้ 0.93 ล้านลิตร

จะเห็นว่าปริมาณการใช้น้ำมันน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์แต่ละชนิดจะชะลอตัวลงก่อนใกล้ถึงวันที่มาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซออล์สูงสุด 2.50 บาทจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เบนซินขาดสต็อก และไม่มีจำหน่ายหน้าปั๊มตามที่เป็นกระแสเกิดขึ้น

สำหรับมาตรการ "ลดราคาน้ำมัน 2.50 บาท" เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 66 ประกอบด้วย

  • แก๊สโซฮอล์ 91 ลด 2.50 บาท  
  • แก๊สโซฮอล์ 95 ลด 1 บาท  
  • แก๊สโซฮอล์ E20 และ E80 ลด 0.80 สตางค์ 
  • ซุบเปอร์เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ลด 1 บาท (โออาร์)
  • แก๊สโซฮอล์ ไฮพรีเมียม 97 ลด 0.90 สตางค์ (บางจาก)