สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมจะออกประกาศราคาค่าไฟงวดใหม่ ปี 2567 หรืองวดม.ค.-เม.ย. สำหรับกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยขึ้นไป โดยคาดว่าจะประกาศได้ไม่เกิน 10 มกราคมนี้
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ค่าไฟในกลุ่มดังกล่าวไม่เกิน 4.17-4.19 บาทต่อหน่วย
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ตัวเลขชัดเจนคงต้องให้ กกพ. ประกาศ เพื่อไม่ให้เป็นการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ Regulator เพราะ กกพ. ยังรอตัวเลขทบทวนราคาก๊าซฯจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าค่าไฟงวดใหม่นี้จะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับและรื้อโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ทั้งหมดทำให้ภาพรวมค่าไฟฟ้าลดลงราว 48 สตางค์ จากเดิมที่ประกาศไว้ 4.68 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานกำลังวางแแนวทางเพื่อควบคุมราคาก๊าซฯ ที่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เช่นเดียวกับการบริการจัดการราคาน้ำมัน หากสามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกันได้ก็จะลดผลกระทบให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญผันผวนค่าไฟฟ้าที่ผันผวน
"การรื้อโครงสร้างราคาก๊าซฯ ประกอบไปด้วยการบริการจัดการก๊าซฯในหลายด้านแต่หลายอย่างก็ลดได้ 5-11.5 สตางค์ แต่โดยรวมแล้วสามารถลดได้ 48 สตางค์ แม้จะเพิ่มจากงวดสุดท้ายของปี2566 ก็ตาม"
สำหรับค่าไฟฟ้างวดที่ 2 ของปี 2567 นั้น นายพีระพันธุ์ ระบุว่า มีสัญญาณที่ดีเพราะแนวโน้มราคาก๊าซฯน่าจะทรงตัว เพราะจะได้ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้นจากเดิมขาดหายไป เนื่องจากได้รับรายงานว่าปริมาณก๊าซฯอ่าวไทยจะได้ตามแผนที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตั้งแต่เดืิอนเมษายนปี 2567 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลมาถึงค่าไฟฟ้าในระยะต่อไปด้วย
ข้อมูลจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ระบุว่า ปัจจุบันการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณ เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 ได้ไม่ถึง 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้มีการแก้ไขปัญหา โดยให้ ปตท.สผ.เพิ่มกำลังการผลิตจากแหล่งบงกชและแหล่งอาทิตย์ มาชดเชยในปริมาณรวม 160 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน รวมทั้งการเลื่อนแผนซ่อมบำรุงของแหล่งยาดานา ในเมียนมาออกไป
ดังนั้น 1 เมษายน 2567 กำลังการผลิตก๊าซฯในอ่าวไทย จะเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันอย่างแน่นอน