เปิดโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ "ปตท."แบกภาระค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 67 หมื่นล้าน

04 ม.ค. 2567 | 06:46 น.
อัพเดตล่าสุด :04 ม.ค. 2567 | 06:46 น.

เปิดโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ "ปตท."แบกภาระค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 67 หมื่นล้าน หลังพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีนโยบายรื้อโครงสร้างครั้งสำคัญ มุ่งการแก้ไขการจัดสรรก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีนโยบายรื้อโครงสร้างพลังงานด้านก๊าซธรรมชาติครั้งสำคัญ โดยการแก้ไขการจัดสรรก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสิทธิการใช้ก๊าซธรรมชาติราคาถูกจากอ่าวไทย 

ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ได้ถูกนำมาหารเฉลี่ยกับราคาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี (LNG) นำเข้าจากต่างประเทศ และแหล่งอื่น หรือที่เรียกว่าพูลก๊าซ(Pool Gas) ที่เป็นฐานต้นทุนที่ผลิตไฟฟ้าคนทั้งประเทศ ซึ่งมีราคาสูงกว่า 

กระทั่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สั่งแก้ไข โดยโยกก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทยป้อนการผลิตแอลพีจีให้ประชาชนใช้หุงต้มดำรงชีวิตในราคาถูกที่สุดประมาณ 219 บาทต่อล้านบีทียู 

และให้ก๊าซที่เหลือป้อนการผลิตปิโตรเคมี เป็นราคาพูลก๊าซ ประมาณ 362 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนลดลงถาวรประมาณ 11.50 สตางค์ต่อหน่วย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดก๊าซธรรมชาติ พบว่า

เปิดโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ "ปตท."แบกภาระค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 67 หมื่นล้าน

การบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติตามหลักเกณฑ์ปัจจุบันเป็นการคิดราคา Pool Gas ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันโดยนำปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ได้จาก 3 แหล่ง คือ 

  • ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ให้คิดจากก๊าซฯ ที่ออกจากโรงแยกก๊าซฯ (C1 หรือ Sale gas) 
  • ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา ใช้ราคาเฉลี่ย ณ จุดซื้อขายที่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการนำเข้าแล้ว 
  • ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าด้วยสัญญาระยะยาวในปัจจุบันและ LNG Spot ปริมาณรวมเท่ากับ 3,635 MMSCFD มาคิดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกับราคาก๊าซฯ แต่ละแหล่ง

ทำให้ราคา PoolGas เท่ากับ 387 บาท/ล้านบีทียู

ก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซฯ ยังคงใช้ราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยที่ 219 บาท/ล้านบีทียู

ภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง (NGV) ใช้ ราคาPoolGas เท่ากับ 387 บาท/ล้านบีทียู
 

สำหรับการบริหารจัดก๊าซธรรมชาติตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. (Single Pool) และช่วยเหลือ LPG เชื้อเพลิง (ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566) ได้แก่

นำปริมาณก๊าซธรรมชาติจัดหาได้จาก 3 แหล่งคือ 

  • ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ยกเว้นส่วนที่เข้าโรงแยกก๊าซฯ เพื่อนำไปผลิตเป็น LPG สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง 
  • ก๊าซธรรมชาติจากเมียนมา 
  • ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าด้วยสัญญาระยะยาวในปัจจุบันและ LNG Spot ปริมาณรวมเท่ากับ 4,272 MMSCFD มาคิดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกับราคาก๊าซฯ แต่ละแหล่ง

ทำให้ราคา PoolGas เท่ากับ 362 บาท/ล้านบีทียู

โรงแยกก๊าซธรรมชาติ (ไม่รวมส่วนที่นำไปผลิต LPG ภาคเชื้อเพลิง) ภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง (NGV) ใช้ราคา PoolGas เท่ากับ 362 บาท/ล้านบีทียู

LPG ภาคเชื้อเพลิงใช้ราคา Gulf Gas ที่ 219 บาท/ล้านบีทียู

ประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติและผลกระทบสำหรับรอบเดือน มกราคม 2567 ถึงเดือนเมษายน 2567 ตามแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติตามข้อเสนอของ กกพ. และช่วยเหลือ LPG ภาคเชื้อเพลิง จะทำให้ราคา Pool Gas เดิมมีราคาลดลงเหลือ 362 บาท/ล้านบีทียูคาดว่าต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงจะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ประมาณ 0.1150 บาท/หน่วย 

โดยไม่ส่งผลกระทบต่อรายรับของกองทุนน้ำมันฯ ที่นำไปช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยผู้ใช้ก๊าซฯ ทุกรายใช้ก๊าซฯ ในราคาที่ถูกลงยกเว้นโรงแยกก๊าซฯ จะมี
ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ประมาณ 10,921 ล้านบาท

ด้านมติกพช. เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย

  • เห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ โดยปรับให้ใช้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจาก โรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นราคา Pool Gas ซึ่งเป็นราคารวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่น ๆ ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ให้ใช้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย (Gulf Gas) ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าการจัดทำหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ตามมติกพช. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 จะแล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจาก กพช. 
  • มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม ฐานเศรษฐกิจพบว่า โครงสร้างราคาก๊าซใหม่ดังกล่าวจะเสนอเข้าบอร์ด ปตท. พิจารณาวันที่ 12 ม.ค. 67