เป๊ปซี่โค องค์กรเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวระดับโลก ที่ขยับตัวเดินหน้าธุรกิจ ด้วยการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน ภายใต้กลยุทธ์ PepsiCo Positive (pep+) ผ่าน 3 เสาหลักประกอบด้วย การเกษตรเชิงบวก (Positive Agriculture) ห่วงโซ่คุณค่าเชิงบวก (Positive Value Chain) และทางเลือกเชิงบวก (Positive Choices) เป็นการเปลี่ยนวิธีการทำงานของธุรกิจ ให้ตอบโจทย์ต่อความจำเป็นและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น
นายคอลินส์ แมทธิว Supply Chain Senior Director บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า PepsiCo Positive (pep+) เป็นกลยุทธ์ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการทำงาน โดยในด้าน “การเกษตรเชิงบวก” (positive agriculture) มีการส่งเสริมบทบาทของเกษตรกร โดยเฉพาะการไม่เผาทำลายตอซังหลังจากเก็บผลผลิต เปลี่ยนเป็นการฝังกลบเพื่อสร้างสารอินทรียวัตถุเพิ่มคุณภาพดิน และยังไม่สร้างมลพิษทางอากาศ
ส่วน “ห่วงโซ่คุณค่าเชิงบวก” (positive value chain) จากเป้าหมายปี ค.ศ.2040 (พ.ศ.2583) เป๊ปซี่โคจะบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ดังนั้น ทุก ๆ โรงงานของเป๊ปซี่โค จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของหลังคาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด รวมถึงมีการลงทุนเครื่องจักร เพื่อสร้างพลังงานสะอาด และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้ง มุ่งสู่เป้าหมายการใช้นํ้าสุทธิเป็นบวก (Net Water Positive) ภายในปี พ.ศ. 2573 นำเทคโนโลยีและความรู้ในการบริหารจัดการนํ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การนำระบบนํ้าหยดมาใช้ ซึ่งเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการใช้นํ้า ลดการใช้นํ้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยีตรวจวิเคราะห์คุณภาพดิน และความเป็นไปได้ในการเกิดโรคพืช โดยใช้โดรน มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกรกว่า 4,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ตันต่อไร่ เป็น 3.5 ตันต่อไร่ และบางพื้นที่ขยายไปได้ถึง 4-5 ตันต่อไร่ ซึ่งเป๊ปซี่โคต้องการขยายผลผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต เพราะปัจจุบันผลผลิตมันฝรั่งในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
เป้าหมายของ pep+ คือ กระจายการเกษตรแบบปฏิรูปไปทั่ว 7 ล้านเอเคอร์หรือประมาณ 42 ล้านไร่ ภายในปี 2573 เพิ่มสารอาหารในดิน เพิ่มคุณภาพดิน ตั้งเป้าการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน 100% ภายในปี 2573 ซึ่งขณะนี้เป๊ปซี่โคในประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายแล้ว
นายจิระวัฒน์ ภูมิศรีแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ส่วนของพลาสติก เป๊ปซี่โคมีแผนที่จะลดการใช้พลาสติกใหม่ต่อหน่วยบริโภคให้ได้ 50% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกของบริษัทภายในปี พ.ศ. 2573 (เทียบจากบรรทัดฐานปี พ.ศ. 2563) โดยใช้วัสดุรีไซเคิล 50% ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัท และขยายธุรกิจโซดาสตรีม (SodaStream) ไปทั่วโลก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มได้เกือบทั้งหมด
เป๊ปซี่โคได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ในการจัดเก็บกลับบรรจุภัณฑ์สู่บริษัท เพื่อนำมาแปรรูปไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม เช่น การลดปัญหาขยะพลาสติกอ่อนหลายชั้น หรือ MLP (Multilayer plastic) ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้และมีปริมาณที่มากขึ้น
ส่วนของเครื่องดื่ม บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศ ไทย) จำกัด ซึ่งบริหารธุรกิจเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ได้ออกมาประกาศ ใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) 100% โดยเริ่มจากเครื่องดื่มเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีนํ้าตาล ขนาด 550 มิลลิลิตร ในช่วงเดือนเมษายน 2566 หลังจากนั้น จะค่อย ๆ ขยายไปยังผลิตภัณฑ์ในเครือฯ คือ ชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส (TEA+)
พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับฉลากแพ็กเกจจิ้งใหม่เป็นคำว่า“เป๊ปซี่ ขวดรีไซเคิล 100% (Pepsi 100% Recycled)” เพื่อแจ้งผู้บริโภคถึงการเปลี่ยนเป็นขวด rPET อย่างเป็นทางการ หลังจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้ใช้บรรจุเครื่องดื่มได้
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3879 วันที่ 16-18 เมษายน พ.ศ. 2566