นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้ดำเนินการร่วมกับร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) และบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยที่มีความร่วมมือทางธุรกิจกับเกาหลีใต้ ได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้กิจกรรมสัมมนาการลงทุนหัวข้อ “Thailand Investment Promotion Strategy: NEW Economy, NEW Opportunities”
ทั้งนี้ โดยมีการหารือกับบริษัทกลุ่มเป้าหมายกว่า 40 ราย เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการลงทุนกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ซึ่ง กนอ. ได้นำเสนอภาพรวมของการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลเกี่ยวกับ กนอ.สิทธิประโยชน์ต่างๆทั้งที่เกี่ยวกับภาษี และไม่เกี่ยวกับภาษี พร้อมทั้งให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนเกาหลีใต้ ในการเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของไทย
โดยในการประชุมรายย่อย (One on One Meeting) ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นรายบริษัท โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Chip) มีการนำเสนอข้อมูลและศักยภาพนิคมอุตสาหกรรมของไทยที่พร้อมเป็นฐานการผลิต
รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุน ขณะเดียวกันยังเชิญชวนให้กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า หากลงทุนในประเทศไทย ต้องลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
“กนอ. ได้แจ้งให้นักลงทุนเกาหลีใต้รับทราบถึงศักยภาพและความพร้อมของนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 68 แห่ง ใน 16 จังหวัด ทั้งที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมในกำกับของ กนอ. และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับภาคเอกชน ที่พร้อมรองรับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของไทย"
นายวีริศ กล่าวอีกว่า การโรดโชว์ครั้งดังกล่าวนี้ถือเป็นโอกาสดีในการเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่ ระหว่าง กนอ.และบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัย และเป็นผู้นำเทคโนโลยีในหลายๆ อุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมหลัก เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมอาหารและเสริมความงาม เป็นต้น ซึ่งจากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กนอ.พยายามเจาะกลุ่มตลาดดังกล่าวด้วย เพื่อชักชวนให้เข้ามาลงทุนในไทยให้มากยิ่งขึ้น
“เกาหลีใต้เป็นคู่ค้า (Partners) ที่ กนอ.ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า กนอ. และ บีโอไอ เน้นการทำงานเชิงรุก แต่ก็ติดตามความคืบหน้าไปด้วย รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นพันธมิตรระยะยาว ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง”