นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายงานกลยุทธ์การลงทุน และธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL และกรรมการบริหาร บริษัท เจจีเอส ซินเนอรจี พาวเวอร์ จำกัด หรือ JGS เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย - ติดตั้งเทคโนโลยีโซลาร์รูฟ (Solar Rooftop) เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าในกลุ่มลูกค้าครัวเรือนทั่วไป ,กลุ่มสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี (SMEs) โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายแตะ 1 พันล้านบาท ในปี 2569 เพื่อเตรียมนำบริษัท JGS เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
สำหรับปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายประมาณ 400 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 800 ล้านบาทในปี 2568
ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการร่วมกับธนาคารออมสิน เพื่อต่อยอด และขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยการนำเสนอสินเชื่อบุคคล GSB Go Green สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้ง Solar Cell, Solar Rooftop, หรือ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอาคารบ้านเรือน ให้สามารถเข้าถึงเงินกู้สูงสุดถึง 5 ล้านบาท ซึ่งขอกู้ได้ทั้งที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Clean Loan) ขอกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 10 เท่าของรายได้รวม เริ่มต้นที่ 5 แสนบาท และสูงสุดไม่เกินรายละ 5 ล้านบาท
ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี และไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Clean Loan) ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำสุด 1.99% ต่อปี นาน 3 เดือนแรก งวดผ่อนชำระต่ำเริ่มต้นเพียงแสนละ 199 บาทต่อเดือน
อีกทั้งยังสามารถเพื่อขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ลูกค้าของธนาคารออมสินที่มีสาขากว่า 1,200 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ และเป็นการเปิดโอกาสให้ สำหรับบริษัทมีแพ็กเกจอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนให้กลุ่มลูกค้ารายย่อยราคาย่อมเยาเริ่มต้นที่ราว 3 แสนบาทต่อกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ 10 กิโลวัตต์ (KW) เพื่อนำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้ารายย่อย กลุ่มครัวเรือนทั่วไปที่ต้องการพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้าภายในบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ และสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว
"ลูกค้าที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์ Solar Rooftop, หรือ EV Charger สำหรับบ้านเรือนที่ต้องการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ บริษัทจะเสนอให้กับธนาคาออมสินเป็นผู้พิจารณา ยกตัวอย่างวงเงินประมาณ 3 แสนบาทสามารถติดตั้งโซลาร์ ได้ประมาณ 10กิโลวัตต์ (kw) ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปีดอกเบี้ยจะอยู่ที่ราว 600-2,100 บาทต่อเดือน และลูกค้า สามารถประหยัดค่าไฟต่อเดือนได้ประมาณ 4,000 บาท (ที่เรตค่าไฟ 3.99 บาท ต่อหน่วย) เมื่อคำนวณแล้วลูกค้าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี มี IRR ที่กว่า 20% ซึ่งคิดว่าจะกระตุ้นให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจลงทุนง่ายมากขึ้น"
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และผู้ประกอบการรายใหญ่ทั่วไป เพื่อนำเสนอผลิตภันฑ์ของบริษัทในแพ็กเกจต่างๆ ให้มากขึ้น
โดยปัจจุบันราคาสินค้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและนวัตกรรมโซลาร์โซลูชันปรับตัวลงราว 10-22% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา