ดีล “TRUE-DTAC” คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายสรุปชัดควบรวมอำนาจเหนือตลาด

19 ส.ค. 2565 | 17:58 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.ย. 2565 | 16:04 น.

ดีล “TRUE-DTAC” คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายสรุปชัดด้วยคะแนนเสียงข้างมาก เผยควบรวมอำนาจเหนือตลาด บอร์ด “กสทช.” ต้องเคาะสรุปไปต่อหรือล้มดีล

จากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 4  ด้าน อันประกอบด้วย

  •  กฎหมาย
  •  เศรษฐศาสตร์
  • คุ้มครองผู้บริโภค
  •  เทคโนโลยี

เพื่อศึกษาแผนควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) DTAC

ล่าสุด คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ได้สรุปข้อเสนอไปยังสำนักงาน กสทช. เพื่อนำเสนอให้ คณะกรรมการ กสทช.พิจารณาต่อไป โดยข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วมีมติในการประชุม ครั้งที่ 3/2565  เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565

  •  ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า TRUE และ DTAC มีหนังสือแจ้งความประสงค์ที่จะรวมธุรกิจด้วยรูปแบบของการควบบริษัท (Amalgamation) ตามมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535  และจะมีผลให้เกิดบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ (Newco) ที่ได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ความรับผิดชอบทั้งหมดของ TRUE และ DTAC
  • รวมถึงสัดส่วนผลประโยชน์การลงทุนในนิติบุคคลอื่นของ TRUE และ DTAC จะยังคงเป็นการลงทุนต่อไป ภายใต้ NewCo ทั้งนี้ บริษัทย่อยของ TRUE และ DTAC จะยังคงอยู่เช่นเดิม

 

ทั้งนี้ DTAC มีสถานะเป็นผู้รับอนุญาตประกอบกิจกาโทรคมนาคม แบบที่ ประเภทบริการอินเทอร์เน็ต แบบ WiFi

บริการ Colacation และ Dedicated server โดยมีบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) เป็น บริษัทย่อย และเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1และแบบที่ 3 DTAC จึงเป็นผู้รับใบอนุญาตตามนัยข้อ 3  ของประกาศรวมธุรกิจ ในขณะที่ TRUE ไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบ

กิจการโทรคมนาคม แต่มีบริษัทย่อยเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้แก่

(1.) บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1 แบบที่ 2 และแบบที่ 3

 (2) บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์เซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 1 และแบบที่ 3

 และ (3) บริษัท เค เอส ซี คอมเมอร์เชียล อินเทอร์เน็ด จำกัด เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 1 TRUE จึงมีสถานะเป็นผู้มีอำนาจควบคุมผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ดังนั้น การรวมธุรกิจของ TRUE และ DTAC ดังกล่าวข้างตัน จึงเข้าลักษณะ"การรวมธุรกิจ" ตามนิยามในข้อ 3  ของประกาศปี 61 ซึ่งกำหนดว่า "การรวมธุรกิจ" หมายความว่า

(1) การที่ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตรวมกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นหรือผู้มีอำนาจ

ควบคุมของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นอันส่งผลให้สถานะของผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งคงอยู่ และ ผู้รับใบอนุญาตอีกรายหนึ่งสิ้นสุดลง หรือเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพณิชย์หรือตามสัญญาร่วมค้าและโดยที่ข้อ 9 ของประกาศปี 61ให้ถือว่าการรายงานการรวมธุรกิจตามประกาศปี 63 ให้ถือเป็นการขออนุญาตจาก กสทช. ตามข้อ  8 ของประกาศปี 49  ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ "การถือครองธุรกิจในบริการ

เภทเดียวกัน"ตามมาตรา 21 (2) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC จึงเข้าลักษณะของ "การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน"

 

 ด้วยบริการโทรคมนาคม เป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่และการลงทุนในการประกอบกิจการที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากตลาดหรืออุตสาหกรรมโทรคมนาคมจึงมีจำนวนผู้เล่นน้อยรายและทำให้มีลักษณะเป็นการกึ่งผูกขาดโดยธรรมชาติ การที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจะกระทำการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกัน ไม่ว่าจะโดยการควบรวมในลักษณะของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมควบรวมกันเอง(การควบรวมแนวระนาบ Horizental) การควบรวมระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบโทรคมนาคมกับผู้ประกอบการรายอื่นในห่วงโซ่อุปทาน (การควบรวมแนวตั้ง Vertical) หรือแม้แต่การควบรวมกับผู้ประกอบการที่อยู่นอกเหนือ ตลาดโทรคมนาคม ย่อมที่จะส่งผลต่อการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมในทางใดทางหนึ่งเสมอ อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อประชาชนผู้ใช้บริการด้วย ดังนั้น กสทช. จึงมีหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมาย ทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 60

ประกอบมาตรา 40 และมาตรา 75 พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 27

(11) และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544  มาตรา 21 และมาตรา 22 ที่จะต้องกำกับดูแลการกระทำดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อการแข่งข้นโดยเสรีและอย่างเป็นธรรมในตลาดโทรคมนาคมและประชาชนผู้ใช้บริการ โดยประกาศปี 49 ซึ่งยังมีผลใช้บังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อ 8  กำหนดให้การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก กสทช. ก่อน

และประกาศรวมธุรกิจปี 61 ซึ่งกำหนดให้การรายงานการรวมธุรกิจ ถือเป็นการขออนุญาตการถือครองธุรกิจ

ในบริการประเภทเดียวกันตามข้อ 8ของประกาศปี 49 ดังนั้น การรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC จึงอยู่ในอำนาจที่ กสทช. จะพิจารณาอนุญาต หรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตอย่างมีเงื่อนไขเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่เป็นการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมได้ ทั้งนี้ การกำหนดมาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็น มีความเหมาะสมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันมิให้มีการผูกขาด ลด หรือจำกัดการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม โดยอาจนำหลักการในกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้ามาประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการ โดย กสทช. ควรที่จะต้องพิจารณาการรายงานการรวมธุรกิจตังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสมควร แต่ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับการรายงานการรวมธุรกิจและความเห็นของที่ปรึกษาอิสระจาก กสทช.

 

คลิกอ่านรายละเอียด  :   ข้อเสนอของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย