ซูเปอร์โพล ชี้ ควบรวมทรู-ดีแทค เกิดการผูกขาดธุรกิจ ส่งผลค่าบริการแพง

15 ม.ค. 2565 | 03:32 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ม.ค. 2565 | 10:57 น.

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องโพล ควบรวม ทรู ดีแทค พบ กว่า 83% ประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะหวั่นเกิดการผูกขาดธุรกิจ ส่งผลค่าบริการแพง ประชาชนทางเลือกเหลือน้อย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เสนอผลสำรวจ เรื่อง โพล ควบรวม ทรู ดีแทค กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,331 ตัวอย่าง

ซูเปอร์โพล ชี้ ควบรวมทรู-ดีแทค เกิดการผูกขาดธุรกิจ ส่งผลค่าบริการแพง

ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5 – 14 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 83.9% คัดค้านการควบรวมกิจการทรู กับ ดีแทค ในขณะที่ 16.1% เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงระดับความรู้ความเข้าใจมากถึงมากที่สุดของประชาชนต่อ การควบรวมธุรกิจ ทรู กับ ดีแทค พบว่า เกินครึ่งเล็กน้อยหรือ 51.6% ระบุ ประเทศไทยและประชาชนจะตกอยู่ในมือนายทุนผูกขาด รองลงมาคือ  50.3% หรือประมาณครึ่งหนึ่งระบุ จะเกิดการผูกขาดธุรกิจ ของ กลุ่มนายทุน 45.7% ระบุ ค่าบริการจะแพงขึ้น หลังการควบรวมกิจการธุรกิจ 41.4% ระบุ เกิดความไม่เป็นธรรม ในข้อตกลงสัญญากับผู้บริโภค

 

40.8% ระบุ การควบรวมกิจการธุรกิจของ ทรู กับ ดีแทค จะกลายเป็นการผูกขาดธุรกิจให้เหลือน้อยราย ลดทางเลือกของผู้บริโภคลง และ 40.8% เท่ากัน ระบุจะเกิดการกีดกันการค้าของผู้ประกอบการรายย่อย และ 39.7% เข้าใจว่า การควบรวมกิจการธุรกิจ ของ ทรู กับ ดีแทค จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อถามถึงผลกระทบในอนาคตจากการควบรวมธุรกิจ ทรู กับ ดีแทค พบว่า เกินครึ่งหรือ 51.3% ระบุ ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก 49.8% ระบุ ไม่เกิดการแข่งขัน 49.2% ระบุ ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น 36.7% ระบุ เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค 24.3% ระบุ คุณภาพบริการจะแย่ลงและ 17.2% ระบุ ประเทศสูญเสียรายได้ ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่คัดค้านการควบรวมกิจการทรูกับดีแทค ด้วยความรู้ความเข้าใจของประชาชนว่าประเทศไทยประชาชนจะตกอยู่ในมือนายทุนผูกขาด และก่อให้เกิดการสูญเสียผลประโยชน์ทั้งผลประโยชน์ชาติและของประชาชนแต่ละคน โดยมีความคิดว่าการควบรวมจะทำให้ค่าบริการแพงขึ้น เกิดความไม่เป็นธรรมในข้อตกลงสัญญากับผู้บริโภค

 

รวมทั้งเป็นการลดทางเลือกของผู้บริโภค และเกิดการกีดกั้นการค้าผู้ประกอบการรายย่อย ที่ส่งผลเสียโดยรวมต่อผู้บริโภค เพราะจะเกิดผลกระทบในอนาคตในหลายมิติ ได้แก่ ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก ไม่เกิดการแข่งขัน ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค คุณภาพการบริการจะแย่ลง และประเทศจะสูญเสียรายได้ ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำข้อมูลที่ค้นพบครั้งนี้ไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจที่จะก่อให้เกิดความสมดุลในตลาดการค้าเสรีที่ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์มากขึ้นหลักการเปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้