“ชัยวุฒิ” ย้ำ PDPA คุ้มครองปชช.ถ่ายรูปโพสต์ได้เเต่ไม่กระทบสิทธิ์ผู้อื่น

01 มิ.ย. 2565 | 06:54 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2565 | 14:00 น.

ชัยวุฒิ” ย้ำ PDPA คุ้มครองประชาชน ไม่ใช่ได้มุ่งเอาผิดหรือลงโทษใคร ถ่ายรูปโพสต์ได้เเต่ไม่กระทบสิทธิ์ผู้อื่น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า    วันที่ 1 มิถุนายน 2565 นี้ ก็จะเป็นวันสำคัญที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลบังคับใช้  ข้อมูลส่วนบุคคลของเราก็คือข้อมูลที่เราไปติดต่อธุรกิจ ติดต่อร้านค้าต่าง ๆ เราก็จะให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ในการทำธุรกรรมที่เรามีกิจการ

“ชัยวุฒิ” ย้ำ PDPA คุ้มครองปชช.ถ่ายรูปโพสต์ได้เเต่ไม่กระทบสิทธิ์ผู้อื่น

เช่นอาจจะมีบริษัทประกันภัยชีวิต ธนาคาร ร้านค้าออนไลน์ หรือการไปซื้อยา ไปร้านเสริมสวย เขาจะมีข้อมูลของลูกค้าที่เราไปให้ไว้ ข้อมูลเหล่านี้จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย คือ ร้านค้าหรือธุรกิจที่เก็บข้อมูลร้านค้าจะต้องเก็บให้ดี ห้ามให้รั่วไหล หรือห้ามเอาไปขาย หรือเอาไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ซึ่งอันนี้มีความผิดตามกฎหมายนี้

ประชาชนก็จะมีสิทธิ์ในข้อมูลของตัวเอง ถ้าท่านไม่ให้ความยินยอมร้านค้าหรือธุรกิจที่เอาข้อมูลของท่านไป จะเอาข้อมูลนั้นไปใช้ไม่ได้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นกฎหมายที่มีประโยชน์จริงๆในการคุ้มครองข้อมูลของประชาชนเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการให้ข้อมูลกับกิจการร้านค้าต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น

 

ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับ PDPA หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก็คือการถ่ายภาพ ก็เรียนว่า การที่เราไปถ่ายภาพแล้วไปติดบุคคลอื่นเข้ามาในภาพ ซึ่งเราไม่รู้จักแล้วติดโดยบังเอิญ อันนี้ไม่มีความผิด  แม้ว่าเราจะเอาภาพนั้นไปโพสต์ไปใช้ในเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่ได้ไปทำให้เค้าเสียหาย ไม่ได้ตั้งใจไปให้เค้าเกิดความเสื่อมเสีย มันไม่มีความผิด อันนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  รวมถึงเรื่องกล้องวงจรปิดที่เราติดไว้ที่บ้าน แล้วไปติดภาพของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ถ้าเราไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์ในทางที่มิชอบ  เป็นข้อมูลที่เราเก็บไว้เพื่อป้องกันอาชญากรรมก็ไม่มีความผิด

อย่างไรก็ตาม นายชัยวุฒิ ยังย้ำด้วยว่า พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือที่เรียกย่อๆ ว่า PDPA เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของประชาชน ดูแลประชาชนในเรื่องข้อมูลข่าวสารของท่าน ไม่ใช่กฎหมายที่มุ่งจะไปเอาผิดหรือลงโทษใครเพราะงั้นไม่ต้องวิตกกังวล เพียงแต่ว่า ถ้าข้อมูลของท่านมีการรั่วไหล มีการนำไปใช้ที่ไม่ถูกต้อง ท่านก็ร้องเรียนติดต่อเข้ามาได้ ตามกฎหมายก็สามารถดำเนินคดีเอาผิดกับคนที่เอาข้อมูลไปใช้ได้ ก็ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของท่านได้รับความคุ้มครอง เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกคนแน่นอน