นายนันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group กล่าวในหัวข้อ “AI Empowering: Business Opportunities” ว่า การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ WHA ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในธุรกิจของ ดับบลิวเอชเอ โดยเริ่มจากการทำ Digitalization เพื่อแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นดิจิทัล ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างรากฐานที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยในปี 2024 บริษัทได้ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
นายวรวุฒิ แสนทวีสุข ฝ่ายพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า AOT มีแนวทางการนำ AI มาอำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้โดยสารในสนามบิน เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ โดย AI เข้ามาช่วยลดความซับซ้อนและระยะเวลาในการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ภายในสนามบิน เนื่องจากการเดินทางในสนามบินต้องผ่านขั้นตอนจำนวนมาก ซึ่งความท้าทายของ AOT คือการเชื่อมโยงแต่ละขั้นตอนให้เป็นระบบเดียวกันอย่างไร้รอยต่อ และลดระยะเวลาในการดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบ AI ที่สามารถตรวจสอบพาสปอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ตที่มีชิปอิเล็กทรอนิกส์ หรือพาสปอร์ตแบบกระดาษที่ไม่มีชิป โดยระบบจะทำการสแกนและวิเคราะห์ข้อมูลในหน้าพาสปอร์ต เพื่อตรวจสอบว่าเป็นพาสปอร์ตที่แท้จริงและถูกกฎหมาย รวมถึงตรวจสอบข้อมูลจากบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัย (Blacklist) ของหน่วยงานตำรวจและตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้ง ได้นำ AI มาใช้คือระบบจัดการทรัพย์สินสูญหาย (Lost and Found) ด้วย
ทั้งนี้ AOT มีเป้าหมายที่จะนำ AI เข้ามาช่วยการเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินในการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารประมาณ 60 ล้านคนต่อปี และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถเป็น 100 ล้านคนภายในปี 2568 โดยยังคงใช้พื้นที่เท่าเดิม ซึ่งการนำ AI มาช่วยลดระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
นายบุณสิทธิ์ สยามเนตร Head of Data & Analytics บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ลอรีอัล ได้นำ AI มาใช้ในธุรกิจ โดยได้ร่วมมือกับ IBM เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านคลาวด์ไฮบริดและปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก เพื่อสร้างโมเดล AI ส่งเสริมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยั่งยืน อีกทั้งยังได้นำ AI เข้ามาใช้สำหรับการจัดโปรโมชัน เพื่อส่งเสริมการขาย
ขณะเดียวกัน ลอรีอัล ยังได้นำ AI เข้ามาช่วยตอบโจทย์ปัญหาลูกค้า กรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เช่น สงสัยว่าผลิตภัณฑ์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาสภาพผิวได้หรือไม่ โดยเมื่อนำ AI เข้ามาใช้ แล้วทำแคมเปญโฆษณาขึ้นมา ทำให้ยอดการเข้าถึงเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ลอรีอัล ได้นำ AI มาใช้ ผ่าน Personalized Color โดยให้ลูกค้าสามารถลองลุคแต่งหน้าแบบเสมือนจริงผ่านกล้องหน้าโทรศัพท์ ลองลิปสติกเฉดสีต่างๆ ได้ ผ่านแอปพลิเคชัน
ด้านนายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด AWS กล่าวว่าในยุคที่ AI กำลังทวีความสำคัญอย่างรวดเร็ว อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) มั่นใจว่าปีนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้งานจริงในภาคธุรกิจและสังคม
การนำ AI มาประยุกต์ใช้ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับองค์กรที่ต้องการคงความสามารถในการแข่งขัน โดย AWS ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจจากบริษัทชั้นนำของไทย
นายวัตสัน กล่าวต่อไปว่า AWS มีแผนสนับสนุนการใช้ AI อย่างครอบคลุม โดยได้พัฒนาโมเดลและเครื่องมือต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้องค์กรสามารถนำ AI ไปใช้ได้ง่ายขึ้น อาทิ โมเดล Amazon Nova ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำกว่าเดิมถึง 75% รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยให้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้
อย่างไรก็ตาม AWS ตระหนักดีว่าการนำ AI ไปใช้ไม่ใช่เรื่องง่าย องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบใน 4 มิติหลัก ได้แก่ ความพร้อมของข้อมูล ระยะเวลาในการพัฒนา ความเสี่ยง และศักยภาพของบุคลากร
ก้าวต่อไปของ AI ในประเทศไทย จะมุ่งเน้นการสร้างโมเดลที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งข้อความ เสียง และวิดีโอ พร้อมให้ความสำคัญกับ Responsible AI เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างมีจริยธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม