“THANTALK” โดย บากบั่น บุญเลิศ และ วิลาสินี แวน ฮาเรน ร่วมพูดคุยกับ นพ.บุญ วนาสิน ประธานที่ปรึกษา รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง อย่างตรงไปตรงมา
การสนทนากับนายแพทย์บุญ เป็นวันแรกของการรับสมัครส.ส.แบบเขต (3 เม.ย.) จึงมีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ที่ได้เห็นบรรยากาศการรับสมัครส.ส.แบบเขตวันแรก(3 เม.ย.66)อย่างคึกคัก
หมอบุญ ย้อนถึงประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของการเมืองไทยว่า มีตัวอย่างให้เห็น 10 ประเทศ ที่สำคัญประเทศอังกฤษใช้เวลา 300 ปี ฝรั่งเศส ใช้เวลา 500 ปี อิตาลี่ยังมีมาเฟีย ปัจจุบันยังเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย เปลี่ยนรัฐบาลปีเว้นปี
“ประชาธิปไตยเป็นระบบที่เลวน้อยที่สุด หน้าที่ของเราทุกคนต้องประคองไม่ให้กลับไปสู่วงจรอุบาทว์”
พร้อมยกตัวอย่างประเทศ เยอรมันตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 มี “ฮิตเลอร์”เข้ามาทำให้ประเทศถอยกลับไป 30 ปี กว่าจะฟื้น แต่ก็ฟื้นเร็วเพราะการศึกษาเขาดี
แต่ประเทศไทยหมอบุญยอมรับว่า เหมือนประเทศอาเจนตินา คือเป็น failstage (ประเทศที่ล้มเลว) เพราะหนึ่งเราทรุดไปทุกด้าน มีการแย่งอำนาจ แย่งผลประผลประโยชน์ แบ่งขั้ว ตอนนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น
“การแบ่งขั้วไม่ใช่ของแปลก ทุกประเทศก็แบ่งขั้วหมด ถ้าว่าเราไปถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้ที่แน่นอนที่สุดเรียกว่า อนุรักษ์นิยม กับเสรีนิยม แต่ถ้าเราดูลึกๆแล้ว แทบไม่มีอะไรต่างกันเลย ไม่ว่าเรื่องผลประโยชน์ เรื่องตำแหน่ง วิ่งกันจนขาขวิด เพื่อจะได้มีอำนาจ เพราะฉะนั้นพวกเราอย่าไปซีเรียส นี่เป็นละครโรงใหญ่ที่ทุกคนดูการแสดง”
หมอบุญ เห็นด้วยกับคำว่า “การเมืองคือการช่วงชิงเข้าสู่อำนาจ” แต่สำหรับการเมืองไทยมีขวาตกขอบอยู่คนหนึ่งคือ “นายกฯ” ซ้ายตกขอบก็คือ" ปิยบุตร แสงกนกกุล"
“สองคนนี้อยู่ข้างๆการเมืองคือการรักษาผลประโยชน์ การแบ่งผลประโยชน์กัน ที่ซ้ายจัดขวาจัดอยู่ไม่ได้ทุกประเทศ เราจึงต้องเลือกอยู่กลางๆเพื่อให้ประเทศไปได้”
ตัวอย่างจากต่างประเทศที่บอกว่าเราเป็น "failstage " เหมือนอาเจนตินา เมื่อ 80 ปีที่แล้วอยู่ในอันดับ 7 เหมือนเราตรงที่ส่งสินค้าเกษตรเยอะ เนื้อวัว ข้าวสาลี แต่ตอนนี้อันดับที่ 70 กว่า ถอยจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เป็นชาติที่สองที่ default (ผิดนักชำระหนี้)มันแรงถึงขนาดนั้น
สาเหตุมาจากการแย่งอำนาจเหมือนเรา เดี๋ยวฝ่ายซ้ายขึ้น เดี๋ยวฝ่ายขวาขึ้น มีการผูกขาดทางธุรกิจ คอร์รัปชั่น ประชานิยม ใครขึ้นมาโดยเฉพาะฝ่ายซ้ายก็จะให้อย่างเดียวแจกทุกอย่าง แต่เงินในกระเป๋าไม่มี หาเงินไม่เป็นหนี้ครัวเรือนก็สูงเหมือนไทย
ที่ผมบอกไทยเหมือนอาเจนตินา เพราะเราเสื่อมลงทุกด้าน ไม่ว่าเรื่องผูกขาดเหลื่อมล้ำ คอร์รัปชั่น ประชานิยม หนี้ครัวเรือน หนี้ภาครัฐ ความสามารถทางการแข่งขัน การศึกษา ที่น่ากลัวIMF เพิ่งออกมาว่าประเทศไทยกำลังจะเข้า ช่วงเวลาที่หายไป เสียโอกาสไป 4 ปี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 3-4 ปีที่ผานมาเราต่ำ อีกทั้งจีดีพีเราหลุด 3 .6 เราคิดว่าจะฟื้นก็ไม่ฟื้น ปีที่แล้ว 2.5 % ปีนี้รัฐบาลบอก 3.5 % แต่ผมบอกไม่ถึง แค่ 2.9 %
เหตุผลดูจาการส่งออกเราแข่งเขาไม่ได้ ติดลบมา 5 เดือนติดกัน ผมเคยบอกว่าประเทศไทย ถ้าไม่เปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่ไฮเทคเรื่องเทรนคน จะไปไม่รอด เพราะชาวนาเรา 30 กว่าล้านคน ผมเช็คคนที่เช่าที่ดินผม 30 ปี ยังจนกว่าเดิม สะท้อนขีดความสามารถน้อยลง คนจนเพิ่มขึ้น 4 ล้านคน
จากปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แนวนโยบายพรรคการเมืองที่บอกตอบโจทย์ความยากจน ประชานิยม แม้จะตรงเป้าหมาย แต่เราจะเอาเงินมาจากไหน โจทย์นี้คำนวนจากที่พรรคการเมืองแจกๆ 2 ล้านล้านบาท ยกตัวอย่างสาธารสุขอย่างเดียว ตอนนี้ สปสช. ให้ 2 แสนล้าน ขืนแจกกันอย่างนี้ต่อไปมันจะเป็น 7 แสนล้านภายใน 10 ปี จะเอาเงินมาจากที่ไหน
ผมพูดเสมอว่า ความเหลื่อมล้ำ คนรวยต้องจ่ายภาษี ผมเป็นคนเดียวที่ค้านหมอสงวน บอกเห็นด้วยในหลักการ แต่ต้องช่วยคนที่จำเห็นจริงๆสุขภาพถ้วนหน้าไม่ได้ ลองเช็คดีๆเรื่องความเหลื่อมล้ำ คนรวยรู้จักหมอรู้จักโรงพยาบาล จะเข้าห้องพิเศษเสียเงินแค่ 200 บาท แต่คนจนรอคิว 6เดือน บางคนรอไม่ไหวตายก่อน
ที่เราไปร่วมกับรัฐบาลคือสร้างศูนย์หัวใจ ศูนย์มะเร็งก็เพราะเรื่องนี้ จะโทษรัฐบาลก็ไม่ได้ เขาไม่มีงบ ที่จุฬาฯขอยกตัวอย่างเพราะเข้าตัวหลายเรื่อง พยาบาลไม่ส่งผลให้หมอ การรักษาก็ช้า จะเอาเป็นตัวอย่างไม่ได้ เพราะแค่ 0.1% ประเทศ ผมเป็นคนที่มองอะไรดีเกินไป ใครทำอะไรไม่ถูกใจผมหมด
ต้องยอมรับความจริงว่าประเทศเรา ไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยทุกคนได้ เอาแค่ 3,00 บาท คนแก่เราเพิ่มขึ้นทุกปี 15ล้าน เป็น 20 ล้าน เงินก่อนนี้ 4 แสนล้านแล้ว ปัญหาคือจะหาเงินมาจากที่ไหน เรื่องทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเห็นด้วย 100 % ตอนนี้คนจนเพิ่มจาก 6 ล้าน เป็น 14 ล้าน
จากคำถามที่ว่า ถ้าดูจากนโยบายพรรคการเมืองแต่ละพรรคสะท้อนจุดเดียวคือเข้าไปเยี่ยวยาประชาชน แนวทางเหล่านี้ คิดว่าทำถูกหรือไม่
หมอบุญอธิบายว่า คนจนก็ต้องช่วยเขา แต่ช่วยเขาอย่างไร เหมือนที่ “เหมาเจอตุง” บอกว่า ให้เบ็ดเขาแต่อย่าให้ปลาเขา ให้เขารู้จักทำมาหากิน ในขณะนี้ชาวนาเรา ผลผลิตน้อยกว่าเวียดนาม 3 เท่า ต้นทุนแพงกว่า 2 เท่า แล้วจะอยู่ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นควรเน้นเรื่องกรวางรากฐาน แล้วให้ประชาชนรู้จักทำมาหากิน เพิ่มโอกาสในการดำเนินชีวิต ไม่ใช่เอามาแจกอย่างนี้ ตอนนี้คนไทย มองแต่รัฐบาล ตั้งหน้าตั้งตารอแจก
ถ้าไม่แจกคะแนนเสียงไม่มา ทำอย่างไรถ้าไม่แจกแต่ประชาชนมองเห็นภาพ ถ้าไม่แจกแต่มีอนาคตที่ดีกว่า
ทุกอย่างขึ้นกับการเมืองทั้งหมด 20 ปี ที่ผ่านมา เราสร้าง ยัด ปักหลักที่เลวร้าย หนึ่งคือ พรรคราชการ พรรคผูกขาด ทำให้เราแย่งอำนาจกัน และเราแย่ลงทุกวัน
ถามว่าเราจะทำอย่างไรให้การเมืองกินได้ แล้วประชาชนมีโอกาส ลืมตาอ้าปากได้เมื่อเราเห็นนโยบายแล้ว สิ่งที่ควรเห็นในพรรคการเมืองคืออะไร
หมอบุญ ย้ำว่า ผมพูดทุกครั้งคือ การศึกษา ความเจริญของประเทศ ขึ้นอยู่กับความสามารถของครูและการศึกษาอย่างเดียว ตราบใดที่คนในชาติไทยยังไม่จบปริญญาตรี 70 % เหมือนสิงคโปร์ โครงสร้างต่างๆ ที่เราหวัง ที่เราปรับก็ทำไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง
การศึกษาของเราใช้เวลามากกว่าเวียดนาม 2 เท่า แต่เหตุผลที่ออกมามันน้อยกว่าเขา 2 เท่า ตรงนี้สำคัญ แสดงว่ามันรั่วไหลระหว่างทาง คนที่บริหารไม่มีความสามารถ ตอนนี้องค์กรของเราทำเรียลไทม์ KPI คือวัดทุกวัน ตลอดเวลา ไม่ใช่วัดทุกเดือน
มองการเมืองในมิติ ฝั่งอนุรักษ์นิยม กับฝ่ายเสรีประชาธิปไตยสุดโต่ง ถ้าจับขั้วกันจะเป็นผลดีและร้ายต่อประเทศอย่างไร
เรื่องนี้หมอบุญ สะท้อนว่า ฝั่งอนุรักษ์นิยม 2 ป. ประมาณ 100 บวก-ลบ ภูมิใจไทย 60 ประชาธิปัตย์ 35 รวมไปรวมมา ยังไม่ถึง 250 เสียง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ stable (ไม่มีเสถียรภาพ)ถ้ามาฝ่ายเสรีนิยม เพื่อไทยประมาณ 200 บวกก้าวไกล ถ้าไม่เอามารวมก็ 40 บวกไปบวกมาเกิน 250 แต่เขาไม่ได้เป็นนายกฯหรอก เพราะเรามีส.ว.อยู่ 250 คน ต้องเข้าอีกประตู่หนึ่งด้วย
-แต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เขาก็ประเมิน เสียงก็ไล่ๆ 250 เสียง
แต่ผมประเมิณว่าไม่ถึง 150 เสียง โพลของผมไม่ผิดหรอก 5 โพล มีส่วนตัว ดุสิต มั่นคง สันติบาล เราคำนวณหมด เพื่อจะได้ดูว่าสนับสนุนถูกคนหรือเปล่า (หัวเราะ)
-ถ้าเป็นไปตามโพล ที่คนหมอพูดมา รัฐบาลจะเป็นอย่างไรในเมื่อเสียงข้างน้อย หรือเสียงข้างมากก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้
- แนะให้ดูมาเลเซีย “ อันวาร์” ตอนนั้นแบ่งกันคนละ 2 ปี “มหาเธร์” เบี้ยว เอาอัมโนเข้ามา ตอนหลังเลือกตั้งครั้งสุดท้าย อันวาร์ได้คะแนนสูงสุด ให้อันวาร์ เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านไหลมาเต็มไปหมด ตอนนี้อันวาร์คะแนนเสียงเกินครึ่ง เหมือนเมืองไทยไม่มีผิด ขอให้เขารู้ว่าใครเป็นนายกฯเดี่ยวก็วิ่งกันมาเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเรื่องขั้วไม่ใช่สาระสำหรับ ไปดูหลังผ่าตัดยิ่งกว่านี้ คนไทยทุกคนต้องทำใจดูอย่างสนุกสนานอย่าไปเครียดกับมัน
ผมยกตัวอย่างประเทศยุโรป 5 ประเทศ ในช่วงเวลา 200-500 ปี ถึงจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ของเราเพิ่ง 90 ปี อีก 200 ปีเรารอกันต่อ
การเลือกตั้งทำให้เราสร้าง เรื่องของประชาธิปไตย สร้างการพัฒนาประเทศได้ แต่ต้องใช้เวลา 200 ปี
ถามว่าคนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่มีวงจรอุบาทว์ การเลือกตั้งครั้งนี้จะแนะนำอย่างไร
หมอบุญ บอกว่าจำได้ไหม ปมเชียร์ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ เพราะเบื่อคนเก่า ไม่หล่อ อยู่มานาน ทั้งๆที่ผมรู้ว่าชัชชาติ ทำงานไม่เป็น เขาเป็นนักวิชาการ ไม่เคยประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจ นี่สำคัญ เขาตรงไปตรง กทม.คุณก็รู้ว่า ไม่มีอำนาจ ถ้าไม่มี creative financing ( การจัดหาเงินอย่างสร้างสรรค์ ) คุณทำอะไรสำเร็จละ มีแต่ภาษี แล้วเพิ่มรายได้เป็นหรือเปล่า มันต้องหารายได้พิเศษ กทม.ต้องหารายได้พิเศษ
“ชัชชาติ หนึ่ง เพราะเขาไม่มีอำนาจ เพราะขึ้นกับมหาดไทย สอง ชัชชาติมาจากสายข้าราชการ ใครมาเป็นผู้ว่าฯทำได้หรือ ผมพยายามเปลี่ยนกฎหมายมหาดไทย รู้ไหมกฎหมายแม่ ใช้ 6 ปี กฎหมายลูก 8 ปี แต่ละแบบใช้เวลา 5 ปี เท่ากับ 40 ปี กว่าจะเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นต้องกิโยตินกฎหมาย บอกว่า ต้องล้มกฎหมายทุกฉบับเลย ทั้ง 5,000 ฉบับ “ บิ๊กตู่” มุ่งมั่นที่จะรักษากฎหมายอย่างเดียวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ท่านปิดล็อค”
ขณะที่รัฐบาลก็เหมือนกัน หนึ่งใครปราบคอร์รัปชั่น มีแค่สองพรรค สองใครหาเงินมีพรรคเดียวคือ พรรคชาติพัฒนากล้า นอกนั้นใช้เงินหมด อย่าไปพึ่งพรรคการเมือง ที่เราวัดมาต่างประเทศเป็นคนวัดว่าเราทรุดไป 8 ระดับ ถ้าสมมุติเราเด็กๆเข้ามา ผมไม่ได้เชียร์พรรคก้าวไกล ทุกพรรคเอาเด็กเข้ามา อายุต่ำกว่า 40 ปี การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะเปลี่ยนส.ส.ประมาณ 30 % เรามาเอาแบบอิตาลี่ เลือกตั้งทุกปีเลย จะได้ตกไปเรื่อยๆ เอาแต่คนใหม่เข้ามา เอาเด็กใหม่ๆเข้ามา มันมียางอาย
เลือกตั้งครั้งนี้มีคนอาสาเป็นนายกฯเยอะ คิดว่าคุณสมบัตินายกฯที่จะทำให้ไทยพ้นจากเหตุด้อยลงไปได้หรือไม่
หมอบุญบอกว่า “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐบอกว่า ก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น จะทำได้อย่างไร เรามีนิติบริกร 2 คนที่สร้างรธน. อันนี้ไว้ ขยับไม่ได้เลย
ส่วนที่บอกว่าจะแก้ไข รธน. ลองไปดูดีๆ สหรัฐฯมีรธน. 250 ปี ไม่เคยเปลี่ยน ของเราเปลี่ยนตามใจ ประชาธิปไตยเราเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า
อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เป็นเด็กอายุ 40 ปี อีกหนึ่งที่ผมไม่ชอบคือ เพื่อไทยคิดผิดที่ใช้คำว่า ครอบครัวเพื่อไทย คำว่าครอบครัวคนกรุงเทพรังเกียจ เพื่อไทยคนก็รู้ว่าคือ “ทักษิณ” ผมถึงบอกว่า คนกรุงเทพมีแค่ 6 ล้านคน 9 % ของโหวตเตอร์ ก็ต้องเลือกคนใหม่เข้ามา ไม่เอาทั้งสองพรรค ไม่ใช่ว่าอยากทำอะไรก็ทำ ซ้ายสุดโต่งเราไม่เอา เอาตรงกลาง เอาเด็กๆ แต่อย่าเอาผู้หญิง ตอนนั้นเชียร์ผู้หญิงเยอะ
“เศรษฐา ทวีสิน” เหมือนผม คนไทยมาชอบคนรวย ไม่ชอบคนประสบความสำเร็จ ขี้อิจจา เศรษฐาขึ้นไปจะโดนขัดแข้งขัดขา ทำอะไรไม่ได้เลย คุณทักษิณจึงต้องไปอยู่แดนไกล
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โอเค เนื่องจากเราเป็นดองกันแซ่ลิ้ม “ผดุง”ก็สนิทกัน “พิธา “เป็นคนเก่ง มีความรู้ หนุ่มๆผมคิดว่าเขาพยายามอะไรแล้วเขาพยายามไม่เปลี่ยน เพราะนั้นอย่าไปรังเกียจเด็ก แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับเขา
อนุทิน ชาญวีรกูล พ่อเขาเป็นเพื่อนสนิท ไม่อยากวิจารณ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ น่าสนใจ เพราะครอบครัว เสนีย์ ปราโมช กับเรา ยังสนิทสนมกันมากๆ ลูกหลานตอนนี้ก็ไปอยู่อังกฤษด้วยกัน แต่ประชาธิปัตย์ เขาบอกเป็นสถาบันการเมืองก็ถูก แต่คนที่มาบริหาร สองคนนี้ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครยอมรับ นอกจากกลุ่มบางกลุ่ม เหตุผลคือ จุรินทร์ กับเลขาฯ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน )เป็นคนค่อยข้าง conservative (อนุรักษ์นิยม ) ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัย
อย่างผมต้องยอมรับว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นดองกัน จุรินทร์ ก็ไหหลำ แซ่ลิ้ม รู้จักกันดี แต่การบริหารพรรคการเมืองต้องล่มเรื่องส่วนตัว นี่สำคัญที่สุด ลืมว่าเราต้องการอะไร ยุคสมัยมันเปลี่ยน อย่างชวน หลีกภัย ออ่นกว่าผมปีหนึ่ง เป็นผมลาออกไปนานแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับในพรรค
เมื่อถามว่าหัวหน้า พรรคการเมืองที่อาสานายกฯมีจุดด้อย และจุดเด่น วิจารณ์การเมืองไม่กลัวหรือ
หมอบุญ บอกว่า ใครก็รู้ว่าผมเป็นกลาง พูดตามเนื้อผ้า ผมพูดเสมอว่า ยังไงฝ่ายอนุรักนิยมยังต้องเป็นต่อ ต้องทำใจ ทำอย่างไรจะประคองไม่ให้เขา เหลิง ไม่ให้บ้าอำนาจ โดยการเลือกฝ่ายค้านเข้ามาเยอะๆ เป็นการ check and balancd (ตรวจสอบและถ่วงดุลย์อำนาจ) ในทางการเมือง องค์กรอิสระเชื่อไม่ได้ เพราะโดนแทรกแซง โดนไม่รู้กี่ร้อยเรื่อง
ทั้งหมดคือกับดักการเมืองในมุมมอง นายแพทย์บุญ วนาสิน