วันนี้ (27 เม.ย.66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 พร้อมด้วย นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้สมัครส.ส.อุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทยลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี โดยช่วงเช้าที่สนามบิน มีพี่น้องประชาชนมารอรับแน่นขนัด ส่งเสียงเชียร์ เรียกว่า "นายกหน่อย" "คุณหญิงสุดารัตน์ นายกคนอีสาน" พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ เข้ามาทักทายสวมกอด และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างอบอุ่น
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย 3 เวที ที่อำเภอนาจะหลวย อ.บุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 9 ของนางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ เบอร์ 10 ทั้งสามเวที ที่คุณหญิงสุดารัตน์ ได้รับการต้อนรับจากชาวอุบลราชธานีอย่างอบอุ่นมากเช่นกัน ประชาชนแห่ฟังนโยบายแต่ละเวทีนับหมื่นคน
พร้อมกับเสียงสะท้อนจากชาวอุบลฯ ที่มองว่า คุณหญิงสุดารัตน์เหมาะ จะเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยในเวลานี้มากที่สุด เพราะเป็นคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานและมีประสบการณ์ทำงานยากๆสำเร็จมาแล้ว ที่สำคัญ คุณหญิงสุดารัตน์ สามารถทำงานได้ทันทีไม่ใช่นอมีนี จึงไม่ต้องรอฟังคำสั่ง หรือคำสั่งการจาก ใครคนใดคนหนึ่ง
ทั้งชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่มุ่งยุติความขัดแย้ง การเมืองสองขั้ว ซึ่งสร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้ประชาชนมากว่า 17 ปี จนเกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจึงขาดเสถียรภาพ ไม่สามารถดูแลประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ และการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งในภาคอีสาน มีปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำมาโดยตลอด รวมถึงที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีประกาศดูแลพี่น้องชาวอุบลฯ และพี่น้องคนอีสาน ให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้ยั่งยืนภายใน 3 ปี พร้อมยกระดับราคาสินค้าเกษตร โดยจะรับซื้อและประกันราคาพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โดยข้าวหอมมะลิ จะต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท/ตัน ข้าวหอมจังหวัด 13,000 บาท/ตัน ข้าวเหนียว 14,000 บาท/ตัน ข้าวสารขาว 11,000 บาท/ตัน
ส่วนราคาพืชผลอื่น มันสำปะหลัง 3 บาท/กก. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 8 บาท/กก. ยางพารา 60 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย 45 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กก. อ้อยโรงงาน 1,000 บาท/ตัน
และจะมีการปรับโครงสร้างการผลิต บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร (Zoning) โดยปรับระบบการใช้ที่ดินเพื่อผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับอุปสงค์ – อุปทาน (Demand – Supply) เพื่อยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
พร้อมพัฒนาแหล่งน้ำ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงการกักเก็บน้ำตามลำน้ำ ซึ่งจะมีโครงการ ขุดบ่อน้ำ 1 ล้านบ่อ ขุดน้ำบาดาล 1 แสนบ่อ วางระบบผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล แม่น้ำสายสำคัญอื่น และจาก สปป. ลาว มาเติม ในยามที่ขาดน้ำ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและมีคุณภาพทุกหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า จังหวัดอุบลราชธานี ยังเป็นพื้นที่ที่สามารถ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าได้ไม่น้อยกว่า 3 เท่า โดยจะยกระดับจังหวัดอุบลราชธานีให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Northeastern economic corridor
สำหรับ Northeastern economic corridor ตรงข้ามอุบลราชธานี จะเป็นแขวงจำปาศักดิ์ ซึ่งเป็นแขวงหนึ่งของประเทศลาว ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศ ติดอุบลฯ และกัมพูชา มีนคร ปากเซ เป็นเมืองหลักของแขวง ถือเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองทางเศรษฐกิจ
รวมไปถึงการท่องเที่ยวของลาวตอนใต้ เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีแม่น้ำโขงไหลผ่านกลาง ดังนั้น อุบลจึงเป็น corridor ที่เชื่อม 3 ประเทศ และขึ้นเหนือไปสู่จีนได้ ซึ่งจะเป็นสะพาน เชื่อมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวได้อีกมิติหนึ่ง
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี ของพรรคไทยสร้างไทย ประกอบด้วย
เขต 1 นายอดุลย์ นิลเปรม เบอร์ 1
เขต 4 นายอภิชาติ วรโชติวิวรรธน์ เบอร์ 2
เขต 6 นายบุญธรรม ภาคโพธิ์ เบอร์ 1
เขต 7 นายพิตติพัฒน์ นามอภัย เบอร์ 8
เขต 8 นายเสกสรรค์ กอคูณ เบอร์ 9
เขต 9 นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ เบอร์ 10
เขต 11 นายสุริยา ขันอาสา เบอร์ 2