“หมอชูชัย ศุภวงศ์”หนุนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุข พรรคพลังประชารัฐ

12 พ.ค. 2566 | 08:03 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2566 | 08:15 น.

“หมอชูชัย ศุภวงศ์” ผู้นำด้านสาธารณสุข ฮาร์วาร์ด สนับสนุนนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุข ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “ลุงป้อม” เป็นแคนดิเดตนายกฯ หวังนโยบายเป็นจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทัพผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อมา ขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียง 

ทั้งนี้จะมีการเปิดวิดิทัศน์สัมภาษณ์ความเห็นของบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมต่อนโยบายพรรค และความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เช่น ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นต้น

โดย นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เจ้าของรางวัลผู้นำด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประจำปี 2022 เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว เปิดเผยว่า เป็นความจริงที่ให้สัมภาษณ์สนับสนุนนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุข ของพรรค พปชร. เพราะทางพรรค พปชร. เน้นการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพชุมชน 

เสนอนโยบายสุขภาพเชิงรุกเข้าไปถึงครัวเรือน ถึงชุมชน มีรูปธรรมของนโยบายออกมาชัดเจน และเข้าใจว่า มีเพียงพรรค พปชร. ที่เสนอนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุข ไม่แน่ใจว่ามีพรรคการเมืองอื่นเสนอการปฏิรูประบบสาธารณสุขหรือไม่

นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีพรรคการเมืองอื่นประสานงานมาในเรื่องการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและชุมชน ด้วยเช่นกัน แต่มีพรรค พปชร. พรรคเดียวที่ทีมงานของ พล.อ.ประวิตร ประสานงานมาให้ไปนำเสนอต่อหัวหน้าพรรคโดยตรง 

โดยเสนอสาระสำคัญสั้นๆ เมื่อท่านรับฟังเสร็จ ได้โทรหาทีมงานนโยบายพรรคทันที ท่านคิดเร็ว ทำเร็ว มองคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น นี่คือคุณสมบัติของผู้นำ

ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น ได้ไปนำเสนอต่อทีมงานนโยบายพรรค พปชร. เมื่อที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ จึงได้มีการประชุมหารือเฉพาะนโยบายด้านสุขภาพ อีก 3-4 ครั้ง 

“ผมเองคาดไม่ถึงเช่นกันว่า ทางพรรค พปชร. ตัดสินใจขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพเชิงรุกเข้าไปถึงครัวเรือน ถึงชุมชน และที่สำคัญคือ ใช้คำว่า ปฏิรูประบบสาธารณสุข ซึ่งครอบคลุมถึงการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพชุมชน”

เมื่อถามถึงรูปธรรมนโยบายสุขภาพเชิงรุก นพ.ชูชัย ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ต่อไปคนไทยมีอาการปวดหัวตัวร้อนเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย สามารถเข้าถึงร้านยาคุณภาพทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะทาง สปสช.จะเป็นผู้จ่ายให้ร้านยาตามข้อตกลง 

นอกจากเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน ไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลแล้ว ยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ปีละประมาณ 2 ล้านราย ทำให้ทางโรงพยาบาลมีเวลาดูแลผู้ป่วยหนักได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น 

หรือการดูแลผู้สูงอายุติดเตียงที่บ้าน 200,000 ครัวเรือน รวมทั้งผู้สูงอายุติดบ้านนับล้านคน ที่มีความทุกขเวทนาอย่างมากในขณะนี้ ทั้งตัวผู้สูงอายุติดเตียง คนในบ้าน และญาติพี่น้อง ทาง พปชร. มีนโยบายเร่งสร้างนักบริบาลท้องถิ่น หลักสูตรกรมอนามัย จำนวน  100,000 คน ภายใน6-9 เดือน 

“เป็นการสร้างงานในชนบท เพื่อไปช่วยดูแลแบ่งเบาภาระคนใน ครอบครัว เป็นการสร้างระบบรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรมที่สุด โดยมีคุณพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) และ คุณหมอ คุณพยาบาล ในโรงพยาบาลชุมชนระดับอำเภอ โรงพยาบาลทั่วไประดับจังหวัด ให้คำปรึกษา สนับสนุน” 

ตลอดจน ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ เทเลเมดิซีน Telemedicine สื่อสารจากเตียงผู้สูงอายุติดเตียงที่บ้าน ถึง รพ.สต. ถึงโรงพยาบาล เป็นระบบทันสมัยที่ต้องทำการพัฒนาต่อไป

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร มีความสามารถที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก้าวข้ามความขัดแย้ง ได้หรือไม่ นพ.ชูชัย ตอบว่า  ตนไม่มีความรู้และทักษะในด้านการเมืองของพรรคการเมือง แต่เท่าที่ปรากฏเห็นภาพที่น้องมายด์ ภัสราวลี เข้าพบแ ละสัมภาษณ์ ลุงป้อม ต่อสาธารณะ สร้างความประทับใจให้ตนและสังคม 

“ทำให้เชื่อได้ว่า เมื่อท่านมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ท่านจะไม่ใช้อำนาจรัฐไปข่มเหงรังแกเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เป็นลูกหลานของท่าน เพียงเพราะคิดต่าง ดังเช่นที่ผ่านมา”

นพ.ชูชัย กล่าวว่า ในขณะนี้ ตนรอวันเวลา ให้นโยบายด้านสุขภาพของพรรค พปชร. เกิดขึ้นจริงตามที่ประกาศไว้ ในเร็ววัน จะเกิดอานิสงส์สุดประมาณ ต่อทั้ง ลุงป้อม พรรค พปชร. และผู้คนที่อาศัยบนแผ่นดินไทย