วันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ลานคนเมือง กทม. เวทีปราศรัยใหญ่ #SAVE ประชาธิปัตย์ เพื่อ #SAVE ประชาธิปไตยไม่โกง” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยโดยกล่าวว่า วันนี้รู้สึกแปลกๆที่พรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครเลือกตั้ง แต่ตนไม่ได้ลงสมัคร และเคยไปหาเสียงหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เอาคนที่ไม่ได้ลงสมัครมาปิดหาเสียง แต่เมื่อนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหน้าพรรคเป็นคนจัดให้ตนก็ต้องมา
ตนเข้าสู่การเมืองอายุ 27 ไม่มีสตางค์ไม่มีอิทธิพล แต่มาใกล้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไรถ้าไม่ใช่ประชาชนให้การสนับสนุน ตนเป็นหนี้บุญคุณประชาชนและพรรคที่สังกัดตลอดไป ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนกับพรรคอื่นแน่นอน เพราะไม่มีเจ้าของ
ขณะที่พรรคอื่น ถ้าเอ่ยชื่อบางพรรค ก็จะร้องอ๋อ รู้เลยว่าตั้งขึ้นมาไว้สนับสนุนลุง อีกพรรคก็มีลุงอีกคน ส่วนอีกพรรคเป็นของเสี่ย และอีกพรรคมีคนแดนไกลกำกับอยู่หรือไม่ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน เพราะ 77-78 ปี พรรคประชาธิปัตย์มีไว้เพื่อสืบสานอุดมการณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล แต่มีประชาชนเป็นเจ้าของพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปร่วมร่างนโยบายกับพรรค แต่รู้ว่าสิ่งที่กำหนดออกมามีการหารือกับนักการเมืองของพรรคที่ล้วนแต่เป็นตัวแทนของประชาชน แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย ดังนั้นนโยบายของพรรคบางส่วนไม่ตื่นเต้นเร้าใจและไม่ลดแลกแจกแถมเหมือนคนอื่น
การเลือกตั้งเที่ยวนี้อ่านแล้วตาลายเพราะนโยบายเยอะจริงๆ แต่หลายเรื่องเราต้องดูประวัติความเป็นมาเช่นนโยบายผู้สูงอายุ เดี๋ยวนี้มีทั้งบำนาญ กองทุนสารพัด เพราะคนไทย 100 คนมีผู้สูงอายุ 20 คน ก็ไม่แปลกที่มีนโยบายออกมา พอผู้สูงอายุก็แข่งขันกันใหญ่ แต่ 30 ปีที่แล้วผู้สูงอายุมีไม่มาก นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ก็อนุมัติเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็นปีแรก 300 บาท
ต่อมาตนเป็นนายกฯก็ปรับให้เป็น 500 บาท ดังนั้นไม่ว่าประชาชนจะเชื่อนโยบายใครแต่คนที่คิดทำก่อนคือพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นอย่าเอาความกลัวเกลียดเป็นตัวตั้ง แต่ให้นึกถึงประเทศเป็นตัวตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ ยืนยันว่าคนที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มีทุกรุ่นที่จะช่วยประเทศได้ทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องกาบัตรสองใบ ตนไม่ใช่เซียนการเมือง ได้ดูโพลบ้างแต่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครจะได้จัดรัฐบาล แต่พอจะมองเห็นความวุ่นวายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับกติกาที่ออกแบบมา ตนยืนยันได้เพียงว่าเลือกประชาธิปัตย์เราจะเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ เลือกประชาธิปัตย์เราจะช่วยฟันฝ่าวิกฤตต่างๆได้ จะเป็นหรือรัฐบาลหรือฝ่ายค้านเราทุ่มเททำงานให้กับประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจะสืบทอดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันได้ว่าชีวิตตนอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรัก และชอบใช้ชีวิตที่มีความสุขกับการติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองด้วยความสุขใจ เมื่อได้โอกาสจากประชาชนและพรรรคตนก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อใดจังหวะเวลาไม่ใช่ก็พร้อมจะถอยให้คนอื่นสามารถทำงานได้ นี่คือความเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์สั่งสอนมา
ดังนั้นตนไม่รู้ว่าสภาฯจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าอีก 4 ปีหรืออาจจะสั้นกว่านั้น ไม่รู้ว่าวันนั้นตนจะอยู่ในสถานะอะไร แต่รู้แน่ว่าตนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตราบเท่าที่ประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ ในวันที่ก่อตั้งเมื่อ ปี 2489 และตราบเท่าที่ตนเป็นสมาชิกพรรค
เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคสั่งตนก็ต้องมา อายุก็จะมากขึ้นหน่อยแต่ความหล่อก็จะเพิ่มขึ้น และความรักความผูกพันที่มีให้กับประชาชนไม่มีวันลดลงและแน่นอนเพราะนี่คือ ประชาธิปัตย์ของพี่น้อง 14 พ.ค.อย่าลังเลเลือกประชาธิปัตย์ทั้งสองใบ