วันที่ 5 มิ.ย.2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า
หลังจากวานนี้ (4 มิถุนายน 2566) ไปร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์บางกอกไพรด์ 2023 (Bangkok Pride 2023) กับทางพรรคก้าวไกล โดยรับผิดชอบในส่วนของการแลกเปลี่ยนนโยบายของพรรคที่เกี่ยวข้องกับวาระด้านความเสมอภาคทางเพศ
ทั้งนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ไปว่า กิจกรรมบางกอกไพรด์ปีนี้ถูกจัดในช่วงเวลาที่สังคมคาดหวังถึงความสำเร็จอันใกล้ของการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่จะคุ้มครองสิทธิให้คู่รักทุกคู่แต่งงานกันได้ หลังจากผลการเลือกตั้งนำมาสู่การที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมถูกระบุใน MOU ให้เป็น 1 ใน 23 วาระแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ 8 พรรคการเมือง ที่ประสงค์จะตั้งรัฐบาลใหม่ร่วมกัน (รวมจำนวน ส.ส. 312 คน) และจะร่วมกันผลักดัน
นายพริษฐ์ ระบุว่า การสมรสไม่ได้มีความสำคัญแค่ในมิติของการเป็นสัญลักษณ์ของความรักระหว่างคู่รักที่รัฐเคารพและรับรองเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูไปสู่สิทธิอีกหลายประการที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสถานะทางเศรษฐกิจของคู่รักโดยตรง เช่น สิทธิรับมรดก สิทธิกู้ร่วม สิทธิรักษาพยาบาล สิทธิลดหย่อนภาษี
“สิทธิสมรส และสวัสดิการที่ตามมา จึงไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเรียกร้อง แต่เป็นสิทธิพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนและคู่รักทุกคู่ พึงได้รับอย่างเสมอภาคและถ้วนหน้า”
พรรคก้าวไกลตั้งเป้าผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้สำเร็จภายใน 100 วันหลังการตั้งรัฐบาล เนื่องจากอาศัยกระบวนการที่ไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถออกมติเพื่อนำร่างที่ค้างอยู่ในวาระ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่แล้วมาพิจารณาต่อในกระบวนการนิติบัญญัติได้ หากสำเร็จจะทำให้การจัดบางกอกไพรด์ในปีหน้า เป็นการจัดในประเทศที่คู่รักทุกคนสามารถแต่งงานกันได้
ความสำเร็จของการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิที่เขาควรจะได้รับตั้งแต่แรก แต่เป็นชัยชนะของประชาชนทุกคนที่อยากเห็นประเทศไทยที่ก้าวหน้า เพราะกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเป็นหมุดหมาย
และองค์ประกอบที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไปสู่ประเทศไทยที่เสรีและเป็นธรรม ประเทศไทยที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของคนทุกคน และประเทศไทยที่โอบรับความหลากหลายในฐานะจุดแข็งของสังคมไทย