“ธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์” นักกีฬาทีมชาติ เลือดใหม่ ปชป. อาสาพัฒนากรุงเทพฯ

ความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเท และการเอาจริงเอาจัง เป็นสามสิ่งสำคัญบนสนามการเมืองของ “วิทย์” หรือ “ธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์” หนึ่งในผู้สมัครหน้าใหม่ป้ายแดงของ พรรคประชาธิปัตย์ กรุงเทพมหานคร เขต 9 จตุจักร บางเขน หลักสี่ ที่ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะยึดมั่นเป็นธงหลักในการทำงาน พบปะ และหาเสียงในศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่กำลังมาถึงอยู่ ณ ขณะนี้

เขาเองนั้น แม้เป็นหน้าใหม่ในวงการการเมือง แต่สำหรับวงการกีฬาแล้ว “ธีรวิทย์” ถือเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญของประเทศไทยที่ฝากผลงานกีฬายิงปืนรณยุทธ์ จนมีชื่อเสียงระดับโลก หลังจากเข้าร่วม World Shoot IPSC 2022 จนได้อันดับที่ 25 ของโลก จากผู้เข้าร่วมแข่งขัน 2,000 คน ใน 70 ประเทศ 

ส่วนชื่อเสียงในประเทศไทยเองนั้น เขายังเคยเป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย และนักกีฬายิงปืนรณยุทธ์ เจ้าของ 2 เหรียญทองการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 หรือ ศรีสะเกษเกมส์ เมื่อต้นปี 2565 ด้วย

 

“ธีรวิทย์” เริ่มต้นเรื่องราวกับฐานเศรษฐกิจว่า ก่อนที่จะเข้ามาแวดวงการเมือง เขาได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเคยเปิดบริษัททำสื่อโฆษณา และเป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ประสบการณ์หลายอย่างทำให้ตัวเองได้เรียนรู้ และสามารถนำมาปรับใช้กับงานด้านการเมืองได้ 

ส่วนเส้นทางการเข้ามาบนถนนสายการเมือง เขายอมรับว่า เป็นความโชคดีส่วนตัว ด้วยความที่เป็นลูกของข้าราชการตำรวจเลยได้ติดสอยห้อยตามคุณพ่อตั้งแต่อายุยังน้อย และเห็นการทำงานช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้ฝังใจและอยู่ในสายเลือดตัวเองตั้งแต่ยังจำความได้

“จุดเริ่มต้นมีเค้าทางด้านการเมืองพอสมควร ผมเป็นเด็กติดคุณพ่อติดสอยห้อยตามพ่อไปทุกสน. ทั้งเข้าเวร และออกตรวจ เห็นการทำงานของพ่อมาโดยตลอด ที่สำคัญพ่อไม่เคยมีประวัติเรื่องโกงกิน รีดไถ มีแต่คนนับถือขนาดหนังสือพิมพ์ยังเอาไปลง เพราะพ่อเป็นสารวัตรมา 20 ปี ไม่เคยได้ขึ้นตำแหน่ง สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ และก็ทำให้ผมได้รู้จักกับใครอีกหลาย ๆ คนในวงการ” 

เขาเล่าต่อว่า ด้วยความที่พ่อเป็นข้าราชการตงฉิน มีลูกน้องที่นับถือมากมายนั่นจึงเป็นคอนเนคชันสำคัญที่ตัวเองได้รับสืบทอด แถมยังปลูกฝังให้ตัวเองตั้งใจอยากจะทำงานให้กับประเทศชาติบ้านเมืองให้เกิดการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกันด้วยความเป็นครอบครัวตำรวจ อาของเขาเองนั่นก็คือ “ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เขาบอกว่า อาของเขาทำงานกับพ่อตั้งแต่แรก ๆ จึงมีโอกาสได้ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ และอาคนนี้เองก็เป็นผู้ที่ชักชวนให้เข้ามาในวงการการเมืองเมื่อหลายปีก่อน

 

เขาขยายความว่า “ผู้การแต้ม” เข้ามาสู่การเมือง เขาเองก็ตามมาช่วยงานตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งรอบก่อนเมื่อปี 2562 ในพื้นที่เขตหลักสี่ ประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เห็นมุมการเมืองหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ ทั้ง การลงพื้นที่ พบปะ พูดคุย รับฟัง เห็นวิธีการหาเสียง การเสนอแนวทางช่วยเหลือประชาชน และการจัดทำนโยบายต่าง ๆ ออกมา

ธีรวิทย์ ยอมรับว่า ประสบการณ์เป็นทีมช่วยหาเสียงตอนนั้น ก็พยายามดูมาโดยตลอดจนทำให้เกิดแรงบันดาลใจด้านการเมืองขึ้นมา และเมื่อจบศึกเลือกตั้งก็ยังได้รับโอกาสให้เป็นผู้ช่วยพล.ต.ต.วิชัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นงานการเมืองขั้นต่อมา และถือว่าเป็นงานที่ตรงกับสายวิชาที่ตัวเองเรียนจบมาด้วย นั่นคือ เศรษฐศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ ของ ม.หอการค้าไทย

“คุณอาถามคำเดียวว่าสนใจลงการเมืองไหม ก็ตอบตกลงเลยแบบไม่ลังเล เพราะเห็นงานที่ทำมาก่อนว่าเป็นอย่างไร ได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ และการตัดสินใจลงการเมืองนั้น ส่วนตัวมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตอบโจทย์ตัวเอง เพราะอยากอยู่ในพรรคที่จัดตั้งมานาน ไม่อยากอยู่กับพรรคที่ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ และไม่ได้สนใจว่าต้องได้ส.ส. เพราะต้องการอยู่พรรคที่เป็นสถาบันการเมือง” 

หลังจากตอบรับแล้ว ขั้นตอนต่อมาเลยทำประวัติ และความสามารถของตัวเองเสนอไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค และก็ได้รับโอกาสให้เป็นหนึ่งในผู้สมัครหน้าใหม่ในพื้นที่ กทม. โดยได้ลงในเขตพื้นที่จตุจักร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เราจะได้ลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัว

 

 

อย่างไรก็ตามในแนวทางการทำงาน และการทำนโยบายเพื่อหาเสียงชิงขัยในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ยอมรับว่า แม้ไม่ง่ายแต่ไม่เกินความสามารถ เพราะตัวเองนั้น ยืนยันหลักการคือ เป็นคนทำอะไรมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ 100% เหมือนกับตอนที่คัดทีมชาติ ซึ่งเขาเองพยายามฝึกซ้อมจนประสบสำเร็จในช่วงระยะเวลาอันสั้น 

ดังนั้นจึงอยากเอาความตั้งใจนี้มาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะการทำนโยบายดี ๆ ให้เห็นผลทันที และสามารถช่วยเหลือประชาชน พัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ เพราะผลสุดท้ายจะทำให้ลูกหลานมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต

เขาเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า ในช่วงที่ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน พบปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ได้เห็นความยากจน และคนจนในเมืองจำนวนมาก คนที่ไม่ได้อยู่บ้านรั้วบ้านหลัง หลายคนมีเงินแค่พอเลี้ยงชีพไปวัน ๆ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ตั้งใจจะหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เช่นเดียวกับความเหลื่อมล้ำในสังคม ความไม่เท่าเทียม และกระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ โดยตั้งใจจะเอาประสบการณ์ที่เคยเห็นมาช่วยทำให้คนได้รับประโยชน์มากขึ้น

 

 

ส่วนปัญหาของคนกรุงที่กำลังเจอหนักตอนนี้คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ผ่านมาพรรคออกนโยบายกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อหวังเอามาควบคุมปัญหา ซึ่งเขาเองก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยคิด

โดยเสนอโครงการสายตรวจ PM 2.5 ขึ้นมา เหมือนตำรวจไปตรวจพื้นที่ มีเครื่องวัดไปตรวจตามจุดต่าง ๆ ทั้ง โรงงาน โครงการก่อสร้าง พื้นที่การจราจรแออัด โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการลงรายละเอียดของการดำเนินการ คาดว่าไม่นานนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น 

อีกเรื่องที่มองว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ งานด้านการต่างประเทศ จากประสบการณ์ที่เข้าไปเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็เห็นว่าประเทศไทยมีโอกาสหารายได้เข้าประเทศอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องของการส่งออกสินค้า ซึ่งประเทศไทยต้องหาทางบุกตลาดใหม่มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับสินค้าส่งออกของไทยส่งไปขายยังมุมต่าง ๆ ของโลกได้

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของมุมมองของการเตรียมความพร้อมงานด้านการเมือง จากนี้ไปยังมีบันไดอีกหลายขั้นคอยพิสูจน์ “ธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์” นักกีฬาทีมชาติ เลือดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนมากแค่ไหนกับการชิงชัยในรอบนี้