อูเบอร์ ผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ ประกาศแผนใหญ่เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นั่นคือการระดมทุน 200 ล้านปอนด์ หรือกว่า 8,640 ล้านบาท เพื่อช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ โดยอูเบอร์หวังนำเงินส่วนนี้ไปสนับสนุนให้คนขับแท็กซี่ในกรุงลอนดอนเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้นํ้ามันเชื้อเพลิง มาเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าที่ทั้งให้เสียงเงียบแล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ปล่อยไอเสีย อูเบอร์ตั้งเป้าไว้ว่า จะทำโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงภายในปี 2025 หรือพ.ศ. 2568
[caption id="attachment_343520" align="aligncenter" width="503"]
.[/caption]
ส่วนเงินที่ระดมจะมาจากไหนบ้างนั้น ส่วนหนึ่งมาจากค่าโดยสารที่อูเบอร์จะคิดค่าโดยสาร 15 เพนซ์ต่อระยะทางวิ่ง 1ไมล์ เรียกว่า clean air fee หรือค่าธรรมเนียมอากาศสะอาด ที่จะคิดจากผู้ใช้บริการที่เรียกรถในเขตลอนดอน จากนั้นก็นำเงินไปสมทบให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่คนขับแท็กซี่ที่ต้องการเปลี่ยนรถที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเก่าเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้า โดยเงินจะช่วยมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับระยะทางวิ่งที่คนขับให้บริการแก่ลูกค้าที่เรียกรถผ่านแอพพลิเคชันของอูเบอร์ ยกตัวอย่างถ้าคนขับวิ่งให้บริการลูกค้าเฉลี่ยสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง ก็น่าจะได้รับเงินช่วยเหลือราวๆ 3,000 ปอนด์หรือเกือบๆ 130,000บาท ภายในเวลา 2 ปีสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับเป็นแท็กซี่หรือประมาณ 4,500 ปอนด์ภายในระยะเวลา 3 ปี เป็นต้น
แถลงการณ์ของอูเบอร์คาดหมายว่า ภายในสิ้นปี 2021 หรือพ.ศ. 2564 จะมีคนขับแท็กซี่ในกรุงลอนดอนราว 20,000 คนที่สามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการให้บริการ ปัจจุบัน มีคนขับรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนให้บริการผ่านระบบของอูเบอร์ในกรุงลอนดอนประมาณ 45,000 คน ส่วนผู้โดยสารนั้นมีมากกว่า 3.5 ล้านคน อูเบอร์ยังมีโครงการความร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า อาทิ ชาร์จ มาสเตอร์ (บริษัทในเครือบริติชปิโตรเลียม) อีโอ ชาร์จจิ้ง, อีวี บ็อกซ์ และแฟรงคลิน อีเนอร์จี ในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ทั่วกรุงลอนดอน
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศถือเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของนายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีคนปัจจุบันของมหานครลอนดอน โดยในเดือนเมษายนปีหน้า กำลังจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินซึ่งเป็นตัวการปล่อยไอเสียที่วิ่งอยู่ในเขตเมืองลอนดอนในอัตราวันละ 12.50 ปอนด์ นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษยังมีแผนห้ามการจำหน่ายรถยนต์เครื่องเบนซินและดีเซลภายในปี 2040 แต่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ขยับเป้าหมายเร็วขึ้นเป็นปี 2032 อีกด้วย เรียกได้ว่ายุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้านั้นใกล้ตัวเราเข้ามาทุกทีแล้ว
หน้า 25 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,416 วันที่ 8 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561