กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยวานนี้ (22 พ.ค.) ว่า จะขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันต่าง ๆ ของจีนอีก 33 รายเพื่อลงโทษที่เป็นสายลับสอดแนมเรื่องชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ให้กับรัฐบาลจีน หรือมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีการทำลายล้างสูง และรับใช้กองทัพจีน
การขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันของจีนครั้งนี้ นับเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐที่จะจัดการกับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านการทหารของจีน และเพื่อลงโทษที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์
นอกจากนี้ การสั่งขึ้นบัญชีดำดังกล่าวยังเกิดขึ้น ในขณะที่รัฐบาลจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็วภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง
อ่านเพิ่มเติม "หัวเว่ย"เดือด โต้สหรัฐป่วนซัพพลายเชน หวังฮุบตลาด
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจีน 7 ราย และสถาบันของจีน 2 แห่ง ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการปราบปราม กักขังโดยพลการ บังคับใช้แรงงาน และสอดแนมทางด้านเทคโนโลยีขั้นสูงต่อชาวอุยกูร์
ส่วนบริษัท สถาบันของรัฐ และองค์กรการค้าอื่น ๆ อีก 24 แห่งของจีน ได้ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากสนับสนุนการจัดซื้อสินค้าให้กับกองทัพจีน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ได้เพิ่มรายชื่อบริษัทและสถาบันต่าง ๆ ดังกล่าวของจีน ไว้ในบัญชี "entity list" ซึ่งจะจำกัดการขายสินค้าของสหรัฐให้กับบริษัทและสถาบันเหล่านั้น ครอบคลุมถึงสินค้าที่ผลิตในต่างประเทศด้วยคอนเทนต์หรือเทคโนโลยีของสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ สามารถยื่นขอใบอนุญาตเพื่อขายสินค้าได้ แต่ต้องพิสูจน์เพื่อปฏิเสธข้อสันนิษฐานดังกล่าวของสหรัฐ
บริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำครั้งล่าสุดนี้ ทำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทผู้ผลิตชิปของสหรัฐ เช่น Nvidia Corp และ Intel Corp ได้เข้าไปลงทุนไว้อย่างมาก
ข่าวระบุว่า หนึ่งในบริษัทของจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำได้แก่ เน็ตโพซา (NetPosa) เป็นหนึ่งในบริษัท AI ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน และมีบริษัทในเครือที่ใช้เทคโนโลยีในการจดจำใบหน้าสำหรับการสอดแนมชาวมุสลิมอุยกูร์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในจีน
อ่านเพิ่มเติม
ซินเจียงศูนย์กลางเศรษฐกิจตะวันตกจีน
แฉเบื้องลึก‘ปักกิ่ง’ ไม่ตัดเนื้อร้าย‘ฮ่องกง’ในตอนนี้!?