จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) ผู้ผลิตของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าแผนพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มีความคืบหน้าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และขณะนี้บริษัทกำลังจะเริ่มการทดลองทางคลินิกวัคซีนดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า Ad26.COV2-S กับกลุ่มอาสาสมัครในประเทศสหรัฐอเมริกาและเบลเยี่ยมในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ค.นี้ ซึ่งนับว่าเร็วกว่าแผนการเดิมที่วางไว้ 2 เดือน โดยเดิมกำหนดว่าจะเริ่มการทดสอบในเดือนก.ย.
เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ประกาศร่วมมือกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาชีวการแพทย์ขั้นสูง หรือ บาร์ดา (Biomedical Advanced Research and Development Authority: BARDA) เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
นายพอล สตอฟเฟลส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ (ซีเอสโอ) ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันระบุว่า การที่โครงการมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วนั้นเป็นผลมาจากบริษัทมีข้อมูลการวิจัยในระยะต้น ๆ ที่ดีและมีหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่น ประกอบกับมีการเจรจาหารือกับหน่วยงานที่ควบคุมดูแลด้านกฎระเบียบมาตลอด ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
การทดลองวัคซีนกับอาสาสมัครจะมีขึ้นในสหรัฐและเบลเยี่ยม โดยจะทำการทดลองกับกลุ่มอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18-55 ปี และผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีสุขภาพแข็งแรง จำนวน 1,045 คน
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดเผยว่ากำลังเจรจากับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเริ่มการทดลองวัคซีนระยะที่3 เร็วขึ้น ทันทีที่การทดลองขั้นต้นให้ผลลัพธ์ในเชิงบวก ระหว่างนี้ จอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้เริ่มปรับปรุงเพิ่มสมรรถนะการผลิตของโรงงาน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการทดลองผลิตวัคซีน แม้ว่าการทดลองทางคลินิกในอาสาสมัครจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม
เป้าหมายในการปรับปรุงโรงงานก็เพื่อเป้าหมายให้สามารถผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวนมากกว่า 1,000 ล้านโดสภายในปีหน้า (2564) ถ้าหากผลการทดลองพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้จริง