สาขาพิเศษดังกล่าวของ แมคโดนัลด์ เป็นสาขาต้นแบบสำหรับแมคโดนัลด์ในยุโรป ซึ่งหลายประเทศได้เริ่มมีการ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ลงมาแล้ว ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มมีการเปิดรับลูกค้าแบบนั่งรับประทานภายในร้านหลายสาขาเช่นกัน เนื่องจากหลายมลรัฐเริ่ม เปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง แล้วหลังจากที่ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลานานนับเดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สาขาทดลองวิถีชีวิตแบบเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากโควิด-19 สาขานี้ตั้งอยู่ในเมืองอาร์นเฮ็ม (Arnhem) นอกจากจะมีการติดสติ๊กเกอร์บนพื้นร้านเพื่อกำหนดจุดยืนรอ หรือจุดเว้นระยะห่างของลูกค้าแต่ละคน รวมทั้งระยะห่างระหว่างลูกค้ากับพนักงาน ให้ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร (หรือประมาณ 5 ฟุต) แล้ว ภายในร้านยังมีป้ายบอกข้อมูล หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกับผู้อื่นอย่างปลอดภัยและห่างไกลโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีการปรับกลยุทธ์ด้านบริการ จากเดิมที่เน้นระบบให้ลูกค้าบริการตนเอง (self-service) สั่งและรับอาหารที่เคาน์เตอร์ มาเป็นการให้บริการถึงโต๊ะ โดยพนักงานจะเข็นรถเข็นใส่อาหารที่ลูกค้าสั่งไว้มาให้ลูกค้าหยิบเอง เพื่อเป็นการลดการสัมผัสอาหารโดยไม่จำเป็น
“นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เราหวังว่าลูกค้าจะไม่รู้สึกเห็นความแตกต่างมากจนเกินไป” โฆษกของแมคโดนัลด์เนเธอร์แลนด์กล่าว
ส่วนในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของแมคโดนัลด์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน ตัวแทนของแมคโดนัลด์สหรัฐฯ เปิดเผยกับ “บิสิเนส อินไซเดอร์” สื่อท้องถิ่นว่า มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานไปเกือบ ๆ 50 ขั้นตอนแล้ว มีการตรวจสอบเป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติด้านสุขอนามัย มีการติดตั้งแผงกั้นป้องกันเชื้อ ติดสติ๊กเกอร์กำหนดจุดยืนบนพื้น และมีอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพร้อมใช้งานภายในร้าน
สำหรับสาขาทดลองในเนเธอร์แลนด์ การจัดวางโต๊ะเก้าอี้โดยเว้นระยะห่างมากขึ้น รวมทั้งการเว้นพื้นที่ว่างมากขึ้นเพื่อสุขอนามัยของลูกค้าและพนักงานที่ให้บริการอยู่ภายในร้าน ทำให้ทางร้านสามารถรับลูกค้าได้จำนวนน้อยลง หรือได้ราว ๆ 66% ของจำนวนที่รองรับได้ในภาวะปกติเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การกลับมาให้บริการลูกค้าได้อีกครั้งแม้จะยังไม่ถึงระดับปกติ ก็นับเป็นข่าวดีที่แมคโดนัลด์รอคอยมานาน เช่นเดียวกับผู้ค้าปลีกอีกจำนวนมากที่คาดหวังจะได้เปิดร้านให้บริการลูกค้าได้อีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก รอยเตอร์และบิสิเนส อินไซเดอร์
ข้อมูลอ้างอิง