นายอเล็กซ์ กอร์สกี ประธานกรรมการบริหาร จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่าจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เริ่มการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในระยะที่ 3 ภายใต้ชื่อ ENSEMBLE อย่างเป็นทางการสำหรับวัคซีน JNJ-78436735 ที่พัฒนาโดย บริษัทแจนเซ่น ซึ่งถือเป็นการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครขนาดใหญ่ โดยมีการทดลองในหลายประเทศ
การทดลองในครั้งนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จของการทดลองในระยะที่ 1/2a ที่ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและการกระตุ้นทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของวัคซีนที่ฉีดเพียงเข็มเดียวที่ดี อันเป็นข้อมูลรับรองสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาในขั้นต่อไป ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวได้ถูกส่งไปยัง medRxiv ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ทางออนไลน์ในเร็วๆนี้
โดยเป็นการร่วมงานกับคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐในการเริ่มโครงการ ENSEMBLE ซึ่งจะมีการทดลองในอาสาสมัครกว่า 60,000 คนจาก 3 ทวีปทั่วโลก เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิดในขนาดที่ฉีดเพียงเข็มเดียวเมื่อเทียบกับยาหลอก โดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับการขยายกำลังการผลิตในปริมาณมาก เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนต้านโควิดจำนวนหนึ่งพันล้านเข็มได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีแผนคัดเลือกอาสาสมัครจากตัวแทนประชากรที่หลากหลายที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในการทดลองวัคซีนโควิด-19ระยะที่ 3 ในครั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา จะมีการคัดเลือกอาสาสมัครจากกลุ่มคนผิวสี กลุ่มคนเชื้อสายสเปน ละติน อเมริกันอินเดียน และชาวพื้นเมืองอลาสก้า ในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย
ทั้งนี้จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มุ่งมั่นที่จะผลิตวัคซีนในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทั่วไป โดยไม่หวังผลกำไรเพื่อใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้และคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19ล็อตแรกหลังผ่านการรับรองด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปี 2021
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแจนเซ่นซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยี AdVac® อันเป็นเทคโนโลยีเดียวกันที่ถูกใช้ในการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสอีโบล่าที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการอาหารและยาในกลุ่มประเทศยุโรป นอกจากนี้ยังถูกนำมาใช้พัฒนาวัคซีนที่จะถูกนำไปคัดเลือกเพื่อผลิตเป็นวัคซีนต้านเชื้อซิกา อาร์เอสวี และ เอชไอวี ต่อไป โดยเทคโนโลยี AdVac® ของบริษัทแจนเซ่น ปัจจุบันมีการนำมาทำการผลิตดวัคซีนชนิดอื่นๆเพื่อฉีดในคนไข้รวมแล้วมากกว่า 100,000 คน
จากการใช้เทคโนโลยี AdVac® ของบริษัทแจนเซ่นดังกล่าว คาดว่าวัคซีนจะสามารถมีอายุได้นานถึง 2 ปี หากจัดเก็บภายใต้อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส และมีอายุได้นาน 3 เดือนเมื่อจัดเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถกระจายและนำส่งวัคซีนที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องมีวิธีการจัดการขนส่งรูปแบบอื่นไปยังผู้ป่วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
156 ประเทศร่วมโครงการ COVAX ระดมเงินทุนซื้อวัคซีนต้านโควิด
"ไฟเซอร์" พบวัคซีนโควิด ก่อผลข้างเคียงเหนื่อยล้า หนาวสั่น