100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลประจำปี 2563 ของ นิตยสารไทม์ ในหมวดผู้นำปีนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบุคคลที่เป็น “คู่ขัดแย้ง” ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ต่างได้รับการยกย่องพร้อม ๆ กัน ยกตัวอย่างคู่ปรับระดับโลกอย่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
โดยไทม์ระบุเกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า การตัดสินใจของเขาส่งผลต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม มองข้ามความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในช่วงแรก ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยอยู่นานหลายเดือน กดดันให้นักวิทยาศาสตร์ประจำรัฐบาลต้องเปลี่ยนคำแนะนำประชาชน ขณะที่ไวรัสชนิดนี้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปจำนวนกว่า 200,000 คน และหลังจากนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อ 2 ปีก่อน ทรัมป์ก็ช่วยเป็นตัวกลางเจรจาให้อิสราเอลกับชาติอาหรับบางชาติกระชับสัมพันธ์กันได้
ขณะที่ในส่วนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไทม์ระบุว่า ในวันนี้ เขาเป็นผู้นำสูงสุดชนิดที่ไม่มีใครทำลายล้างได้ ด้วยผลงานปราบการทุจริตในหมู่ข้าราชการ ซึ่งบางคนเป็นคนในครอบครัวของสีเอง พร้อม ๆ กับการกวาดล้างคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย แต่สีก็มีปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า เช่นตลาดแรงงานของจีนที่นอกจากจะหดตัวลงแล้ว แรงงานยังสูงอายุมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ต้นทุนของโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ยังสร้างหนี้แทนที่จะสร้างเงิน อีกทั้งเศรษฐกิจจีนยังหดตัวเพราะโควิดระบาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐร้อนฉ่า “ไบเดน” ผงาดคู่แข่งทรัมป์อย่างเป็นทางการ
วิกฤติประท้วงทุบคะแนนนิยม “ทรัมป์” จ่อพ่ายเลือกตั้ง
ทรัมป์ VS ไบเดน สุนทรพจน์ของใคร ดึงดูดผู้ชมมากกว่ากัน
ส่วนคู่ปรับของทรัมป์ภายในประเทศสหรัฐ ที่ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในปีนี้ด้วยเช่นกัน ได้แก่ นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐ ที่มักจะขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ ในเรื่องการรับมือและการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุดนายแพทย์ท่านนี้กล่าวว่า สหรัฐจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนมีโรคระบาดในปีหน้าหรืออาจจะถึงปลายปีหน้า และโรคระบาดอาจกลับมารุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ซึ่งสวนทางกับท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ระบุว่า สหรัฐจะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
บุคคลผู้ทรงอิทธิพลคนอื่น ๆในหมวดผู้นำยังได้แก่ นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต คู่แข่งของทรัมป์ในศึกชิงประธานาธิบดี วันที่ 3 พ.ย. เขาได้รับการยกย่องจากไทม์ว่า บุคลิกของเขาจะสามารถนำพาสหรัฐผ่านความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ และงานนี้ไบเดนไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีคู่หูอย่างนางคามาลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดี เป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกด้วยกัน โดยไทม์กล่าวยกย่องแฮร์ริสว่า เป็นผู้บุกเบิก เป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกและชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียคนแรก ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองใหญ่ให้ลงเลือกตั้งตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ผู้นำโลกคนอื่น ๆ ที่ได้รับยกย่องเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลจากนิตยสารไทม์ในปีนี้ ยังได้แก่ นางอันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้นำที่สามารถแยกแยะปัจจัยทั้งภายในและภายนอกด้วยมุมมองระยะยาว ไม่พูดถ้ายังไม่ถึงเวลา
นอกจากนี้ยังมี ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน คู่ขัดแย้งของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพราะไต้หวันภายใต้การนำของเธอผู้นี้ ไม่ยอมแพ้ต่ออิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ประเทศประชาธิปไตยใหญ่สุดของโลกมายาวนานกว่า 70 ปี ประชากร 1.3 พันล้านคนทั้งชาวฮินดู คริสต์ มุสลิม ซิกข์ พุทธ เชน และอื่น ๆ ทั้งหมดอาศัยอยู่ในอินเดียที่ ไทม์ระบุว่า องค์ทะไลลามะยกย่องว่าอินเดีย “เป็นตัวอย่างของความกลมกลืนและเสถียรภาพ” แต่โมดีทำให้ทุกอย่างที่ว่ามาเกิดข้อสงสัย
ในหมวดผู้บุกเบิก บุคคลที่น่าสนใจคือ นายนาธาน ลอว์ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ เขาเป็นหนึ่งในผู้นำคนหนุ่มสาวฮ่องกงที่ต่อต้านการบดขยี้จากรัฐบาลปักกิ่ง คนที่เสนอชื่อลอว์คือนายคริส แพทเทิร์น ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงคนสุดท้าย ที่มองว่าลอว์เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ และจิตวิญญาณของคนรุ่นนี้เป็นสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอยากกำจัด
ส่วนผู้ทรงอิทธิพลในหมวดศิลปินที่โดดเด่น ได้แก่ บง จุนโฮ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเกาหลีใต้ เจ้าของผลงาน Parasite ที่กวาด 4 รางวัลใหญ่จากเวทีออสการ์ รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เป็นที่น่าสังเกตว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก เช่น นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นอีกหนึ่งผู้ทรงอิทธิพลในหมวดผู้นำ เขาได้รับยกย่องจากไทม์ว่า ด้วยประสบการณ์ความเป็นนักวิทยาศาสตร์และผู้นำด้านสาธารณสุข เขาทราบดีว่า ถ้าไม่ปกป้อง “คนกลุ่มเสี่ยงที่สุด” ให้พ้นจากโควิด นั่นก็เท่ากับว่าทุกคนล้วนตกอยู่ในความเสี่ยง