ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความอีกครั้งเมื่อวานนี้ (7ต.ค.)ว่า เขาจะ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ ซึ่งจะเยียวยาประชาชนและบางภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติมาตรการต่าง ๆที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 135,000 ล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
การตัดสินใจดังกล่าวของผู้นำสหรัฐมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรัมป์เล่นเกมแรง ดึงแผนกระตุ้นศก. งวดใหม่ไว้หลังเลือกตั้ง
ราคาทอง ร่วง 11 ดอลลาร์ หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง
ดาวโจนส์ ปิดร่วง 375.88 จุด "ทรัมป์"ระงับเจรจามาตรการกระตุ้นศก.
นอกจากนี้ การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ยังเกิดขึ้น ท่ามกลางการเจรจาที่ชะงักงันระหว่างนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวเสนอวงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
ด้านนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือคนว่างงาน ธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งรัฐบาลประจำมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น
“ถ้าหากรัฐบาลไม่ออกมาตรการช่วยเหลือก็จะส่งผลกระทบอย่างมากมาย โดยถ้าเราไม่ช่วยคนที่ตกงาน เขาก็จะไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดช่วงขาลงที่รุนแรงมากเกินคาด” นายแคชแครีกล่าว
การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ครั้งล่าสุดนี้นับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ นอกเหนือจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนก.ย. รวมทั้งการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. เวลา 21.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันที่ 8 ต.ค. เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย