การนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐ ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยผลการเลือกตั้งจาก 5 รัฐที่เหลือที่การนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น คือ เพนซิลวาเนีย จอร์เจีย นอร์ทแคโรไลนา เนวาดา และอลาสกา จะเป็นตัวตัดสินชี้ชะตาว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะได้รับชัยชนะเหนือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผลการนับคะแนนการออกเสียงเลือกตั้งโดยประชาชน หรือ ป๊อปปูลาร์โหวต (Popular Vote) เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งเป็นการนับคะแนนได้มากกว่า 89% ก็ปรากฏผลที่ชัดเจนแล้วว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต อดีตรองประธานาธิบดี 2 สมัยของรัฐบาลนายบารัก โอบามา ได้สร้างสถิติใหม่ กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 5 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย นายโจ ไบเดน ได้คะแนนเสียงไปแล้ว 72,125,883 คะแนน คิดเป็น 50.35% ของจำนวนบัตรเลือกตั้งที่มีการนับ ถือเป็นการทำลายสถิติเดิมของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่เคยได้รับคะแนนเสียงสูงสุดที่ 69,498,516 คะแนนจากการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2551 ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้คะแนนเสียงไปอย่างสูสี ที่ 68,780,928 คะแนน หรือคิดเป็น 48.02%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกานั้น ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปจะไปวัดกันที่คะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) ที่จะมีขึ้นในเดือนธ.ค. แต่สามารถประเมินได้ล่วงหน้าจากชัยชนะของผู้สมัครในแต่ละรัฐ เพราะคู่แข่งขันที่ชนะในรัฐส่วนใหญ่จะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดของรัฐนั้น ๆ ซึ่งในขณะนี้ประเมินได้ว่า นายโจ ไบเดน ยังคงมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง นำห่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ที่ 264 ต่อ 214 คะแนน นั่นหมายความว่า นายไบเดนต้องการอีกเพียง 6 คะแนนก็จะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกินกึ่งหนึ่ง (270 คะแนน) ซึ่งจะทำให้เขาชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป