ออสเตรเลีย เริ่มดำเนินการผลิต วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่วิจัยและพัฒนาโดย มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป โดยวางแผนจะผลิตราว 30 ล้านโดส
ทั้งนี้ แม้ว่าวัคซีนดังกล่าว ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ผู้ผลิตยาและเภสัชภัณฑ์ของอังกฤษ ยังคงอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก แต่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีแนวโน้มประสบผลสำเร็จในระดับโลก
ซีเอสแอล (CSL) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติออสเตรเลีย ได้ทำข้อตกลงร่วมกับแอสตร้าเซนเนก้าและรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเริ่มดำเนินการผลิตวัคซีนดังกล่าวล่วงหน้าสำหรับใช้งานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 หากการทดลองที่เหลืออยู่สามารถพิสูจน์ได้ว่าประสบผลสำเร็จ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เรากำลังดำเนินกิจกรรมการผลิตที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ควบคู่ไปกับการทดลองทางคลินิกและกระบวนการอนุมัติ เพราะเราตระหนักถึงความเร่งด่วนเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” แอนดรูว์ นาช หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของซีเอสแอล กล่าว
คาดการณ์ว่า ในการใช้วัคซีนดังกล่าว จำเป็นต้องฉีดให้ 2 โดสต่อคน ซึ่งหมายความว่าในเบื้องต้น จะมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพรวม 15 ล้านคน อย่างไรก็ดี วัคซีนจะยังไม่ถูกนำมาใช้งานจนกว่ากระบวนการพัฒนาจะได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดยสำนักงานผลิตภัณฑ์รักษาโรคแห่งออสเตรเลีย (TGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล
ทั้งนี้ ออสเตรเลียจะดำเนินการผลิตวัคซีนที่โรงงานปฏิกรณ์ชีวภาพของซีเอสแอลในรัฐวิกตอเรีย โดยกระบวนการผลิตจะเริ่มจากการละลายขวดแก้วที่บรรจุเซลล์วัคซีนซึ่งถูกแช่แข็งอยู่ในไนโตรเจนเหลว
“หลังจากเจริญเติบโตในเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแล้ว เซลล์วัคซีนจะถูกนำไปกรองและกลั่นบริสุทธิ์เหลือไว้เพียงแอนติเจนหรือตัววัคซีนเท่านั้น จากนั้นจึงพร้อมสำหรับการผสมสูตรขั้นสุดท้ายและบรรจุลงในขวดยา” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์
ขณะเดียวกัน ซีเอสแอลยังได้ผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 อีกหลายโดสที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (UQ) ของออสเตรเลียเอง ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2b/3 โดยการทดลองเพิ่มเติมของวัคซีนของมหาวิทยาลัย นั้นอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยและตรวจสอบข้อมูลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1