ผู้บริหารของ บริษัท แอร์บัส ระบุว่า มีการผลิต เครื่องบินรุ่น A330 neo ตามออร์เดอร์ไปแล้วบางส่วน ถ้าหาก แอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินราคาประหยัดจากมาเลเซีย เดินหน้า แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ตามที่ได้ยื่นไว้ต่อศาลในประเทศมาเลเซียเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็หมายความว่า แอร์บัสอาจจะต้องสูญเสียรายได้กว่า 5,000 ล้านดอลลาร์
นายอนันต์ สแตนลีย์ ผู้จัดการใหญ่บริษัทแอร์บัส เอเชีย แปซิฟิก เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้มากที่แอร์บัสอาจจะต้องเป็นฝ่ายเสียหายและสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่ภายใต้แผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทแอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินราคาประหยัดที่บินระยะทางไกลสัญชาติมาเลเซีย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจทำให้แอร์บัสจำเป็นต้องปรับแผนการผลิตเครื่องบินรุ่น A330 neo ที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ วางคำสั่งซื้อเอาไว้
แอร์บัสได้เริ่มการผลิตเครื่องบิน A330neo ให้แอร์เอเชีย เอ็กซ์ แล้วจำนวน 7 ลำ บางลำเสร็จแล้วและบางลำมีการเริ่มผลิตเป็นบางส่วน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างอีก 71 ลำในคำสั่งซื้อ
จนถึงขณะนี้ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ยังติดค้างเงินที่ต้องชำระก่อนการส่งมอบเครื่องบิน (pre-delivery payments) ให้กับทางแอร์บัส จำนวน 301.2 ล้านดอลลาร์ สำหรับคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น A330neo นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นลำตัวแคบ A321XLR อีก 2.5 ล้านดอลลาร์
โฆษกของแอร์บัสปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) เพียงแต่บอกว่าบริษัทยังคงเจรจากับแอร์เอเชีย เอ็กซ์อยู่
ข่าวระบุว่า แอร์เอเชีย เอ็กซ์ กำลังเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสถานะของบริษัทให้อยู่รอด ซึ่งการดำเนินการตามแผนจะทำให้บริษัทต้องยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินซึ่งรวมถึงคำสั่งซื้อเครื่องบินของแอร์บัสด้วย ขณะที่แอร์บัสเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะรักษายอดคำสั่งซื้อเครื่องบินตระกูล A330 เอาไว้เพราะสถานการณ์ปัจจุบันก็มีการผลิตเพียงเดือนละ 2 ลำเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลงอันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้สายการบินทั่วโลกต้องยกเลิกการให้บริการบางเที่ยวบินเป็นการชั่วคราว
ข่าวระบุว่า ระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทแอร์บัสมีคำสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มเพียง 8 ลำเท่านั้น ซึ่งถือว่าลดฮวบลงจากไตรมาสแรกที่มีคำสั่งซื้อเครื่องบินถึง 290 ลำ