สื่อต่างประเทศรายงานวานนี้ (24 ธ.ค.) ว่า ท่าอากาศยานนานาชาติซานติอาโก ของ ประเทศชิลี ได้ใช้ สุนัขดมกลิ่นพันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ และพันธุ์ลาบราดอร์ มาช่วยในการปฏิบัติ ภารกิจค้นหาผู้โดยสารติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สนามบิน
ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จุดตรวจโรคของสนามบินจะต้องใช้ผ้าก๊อซถูเหงื่อที่ลำคอและข้อมือ หลังจากนั้นให้นำผ้าก๊อซนั้นใส่ลงในโถแก้วเพื่อให้สุนัขดม เพื่อระบุว่าผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ โดยสุนัขเหล่านั้นจะนั่งลงเมื่อได้กลิ่นไวรัส และจะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน สุนัขในภารกิจดังกล่าวจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวพร้อมเครื่องหมายกาชาดสีแดง และมีคำว่า "biodetector" อยู่บนเสื้อ
สำนักงานตำรวจของชิลีได้ฝึกสุนัขให้ปฏิบัติภารกิจดังกล่าว โดยนายเอสเตบัน ดีแอซ นายตำรวจระดับสูงของชิลีเปิดเผยว่า จมูกสุนัขมีเซลล์ประสาทรับกลิ่นมากถึง 300 ล้านเซลล์ ขณะที่ในจมูกมนุษย์มีเพียง 5 ล้านเซลล์จึงดมกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะเหตุนี้สำนักงานตำรวจจึงได้นำสุนัขมาช่วยปฏิบัติภารกิจในการค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะ
นอกจากชิลีแล้ว สนามบินในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และฟินแลนด์ก็ได้เริ่มใช้สุนัขที่ได้รับการฝึกให้ดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน
จากผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า สุนัขสามารถดมพิสูจน์กลิ่นเพื่อชี้ตัวผู้ติดเชื้อโควิดได้แม่นยำในอัตรา 85-100% และมีความถูกต้องถึง 92-99% ในการระบุถึงการติดเชื้อ
ก่อนหน้านี้ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ประเทศอังกฤษและเยอรมนี มีการฝึกสุนัขให้ดมกลิ่นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา “โควิด-19” เช่นกัน โดยที่ประเทศอังกฤษได้มีการฝึกสุนัขให้ดมกลิ่นเพื่อแยกแยะผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ออกจากผู้ที่ไม่ติดเชื้อ โดยผู้ฝึกจะให้พวกมันฝึกแยกแยะจากการดมเสื้อผ้าที่ได้รับการฆ่าเชื้อแล้ว และหน้ากากอนามัยที่พวกแพทย์พยาบาลใช้แล้วในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในเยอรมนี มีการฝึกสุนัขให้ดมหาเชื้อไวรัสโคโรนาจากตัวอย่างน้ำลายของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,000 คน ซึ่งระดับความแม่นยำอยู่ที่ 94%
ทั้งนี้ สุนัขดมกลิ่นมีชื่อเสียงในการตรวจหาสารเสพติดและวัตถุระเบิด และก่อนหน้านี้ ยังได้มีการฝึกสุนัขให้ตรวจหาผู้ป่วยโรคมาลาเรีย โรคมะเร็ง และโรคพาร์กินสันด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“WHO” ประกาศสุนัขในฮ่องกง ติดไวรัสโคโรนา