การชุมนุมของประชาชน หลากหลายอาชีพ ประท้วงการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเมียนมาดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่สี่แล้วในวันนี้ (9 ก.พ. โดยนับเริ่มจากวันเสาร์ที่ 6 ก.พ.) หลังกองทัพทำรัฐประหารและได้มีการ จับกุมตัวนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมาและหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยวันนี้ประชาชนหลายพันคนยังออกมารวมตัวกันทั้งในเมืองย่างกุ้งและเมืองอื่นๆ แม้กองทัพเพิ่งประกาศมาตรการเคอร์ฟิวและสั่งห้ามประชาชนรวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (8 ก.พ.) ก็ตาม
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฉีดน้ำเข้าใส่ผู้ประท้วงในกรุงเนปิดอว์ที่มาชุมนุมกันเป็นวันที่สอง รวมถึงในเขตพะโคด้วย
ส่วนในเมืองย่างกุ้งเมืองหลวงเก่า และเป็นศูนย์กลางธุรกิจของเมียนมา ประชาชนได้ไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าที่ทำการพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางซูจี รวมถึงตามจุดอื่นๆ กลางเมืองย่างกุ้งด้วย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดสะพานที่ใช้สัญจรเมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลังประชาชนจากพื้นที่รอบนอกเดินทางมาร่วมชุมนุม ก่อนจะอนุญาตให้เปิดการสัญจรได้ตามปกติ โดยกลุ่มผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า "เราต้องการประชาธิปไตย" ขณะข้ามสะพาน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กองทัพเมียนมาได้ประกาศเคอร์ฟิวในเมืองย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์เมื่อวานนี้ ส่งผลให้ชาวเมียนมาจะไม่สามารถออกจากเคหะสถานในช่วงเวลา 20.00-04.00 น. และประชาชนไม่สามารถรวมตัวกันมากกว่า 5 คน รวมถึงห้ามการประท้วงโดยใช้รถยนต์เคลื่อนขบวน โดยให้เหตุผลว่าเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชน หลักนิติธรรม และเสถียรภาพ ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า ผู้ชุมนุมประท้วงไม่ได้กลัวหรือให้ความสำคัญกับคำสั่งห้ามดังกล่าวมากนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประมวลภาพ “ม็อบเมียนมา” ต้านเผด็จการ จากวันจับ “ซูจี” ถึงนาทีประกาศเคอร์ฟิว
เมียนมางัด “มาตรการเคอร์ฟิว” รับมือม็อบมวลชน
เปิดไทม์ไลน์ 1 สัปดาห์เต็มหลังรัฐประหาร เกิดอะไรขึ้นบ้างในเมียนมา