คำต่อคำ: แถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐเดือนมีนาคม

18 มี.ค. 2564 | 04:29 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2564 | 11:37 น.

ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) โดยเนื้อหาระบุว่า

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุน เศรษฐกิจสหรัฐ ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วย สนับสนุนการจ้างงาน ให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการ รักษาเสถียรภาพด้านราคา

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ และฉุดเศรษฐกิจของสหรัฐและทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างรุนแรง กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเริ่มดีดตัวขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หลังจากที่ฟื้นตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการแพร่ระบาดยังคงอ่อนแออยู่ก็ตาม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% ส่วนภาวะทางการเงินโดยรวมยังคงปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนถึงมาตรการด้านนโยบายต่างๆ ที่นำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดสรรสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐ

สำหรับ ทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า นั้น จะขึ้นอยู่กับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึง ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน โดยวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้ และก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เป็นระยะเวลาที่นานขึ้น ทั้งนี้ จากการที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการจึงตั้งเป้าหมายที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 2% ในบางช่วงเวลา เพื่อให้อัตราเฉลี่ยของเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 2% และให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2% โดยคณะกรรมการจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

คณะกรรมการ FOMC ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% โดยคณะกรรมการคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพตามที่เฟดประเมินไว้ และอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2% และอยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2% ในบางช่วงเวลา

นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะยังคงเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลังอีกอย่างน้อย 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ที่มีหนี้จำนองค้ำประกัน (MBS) อีกอย่างน้อย 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน การซื้อสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดต่างๆ ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น และช่วยสนับสนุนภาวะด้านการเงินให้เป็นไปในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้สินเชื่อไหลเวียนไปสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ

ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการจะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข ภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ

สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, โธมัน ไอ บาร์กิน, ราฟาเอล ดับเบิลยู บอสติก, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, ริชาร์ด เอช คลาริดา,แมรี ซี ดาลี, ชาร์ลส อีแวนส์, แรนดัล เค ควอร์เลส และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง