เมียนมา ที่ตกอยู่ในภาวะจลาจลกลางเมืองมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 25644 หลัง กองทัพก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน ขณะนี้กำลังเผชิญแผลลึกทางเศรษฐกิจ นั่นคือ ปัญหาการขาดแคลนเงินสด และ แนวโน้มเงินเฟ้อที่พุ่งทะยาน
ราคาสินค้าและบริการในเมียนมาปรับเพิ่มสูงขึ้นภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ขณะที่ประชาชนพากันแห่ถอนเงินออมออกจากธนาคารเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันรัฐบาลทหารภายใต้การนำของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ ได้สั่งจำกัดปริมาณเงินหมุนเวียนเพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นั้น รัฐบาลทหารได้เข้าปกครองเมียนมามาราว 4 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเข้ายึดอำนาจทางการเมืองได้ ขณะที่ “เงินจ๊าต” ซึ่งเป็นสกุลเงินของเมียนมาได้อ่อนค่าลงอย่างมาก
ในย่างกุ้งซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเมียนมานั้น ภาพที่เริ่มเห็นชินตามากขึ้นในทุก ๆวัน คือประชาชนเข้าคิวเป็นแถวยาวรอกดเงินสดหน้าตู้เอทีเอ็มโดยมีสิ่งของต่าง ๆเตรียมมาพร้อมสำหรับการรอคิวที่อาจจะยาวนาน โดยสิ่งของที่ประชาชนต้องพกพาขณะเข้าแถวรอกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มนั้นได้แก่ เก้าอี้ น้ำดื่ม อาหาร ของขบเคี้ยว และพัดลมแบบพกพา เนื่องจากมีประชาชนต่อแถวยาวเหยียดอยู่นอกธนาคารต่าง ๆ ทุกวันก่อนรุ่งเช้า โดยแต่ละคนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อครั้งในการถอนเงินสด
ทั้งนี้ สถาบันการเงินของเมียนมาแทบหยุดชะงักในช่วงแรกๆ ของการปกครองโดยรัฐบาลทหาร เนื่องจากพนักงานธนาคารจำนวนมากปฏิเสธที่จะไปทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวแบบอารยะขัดขืนที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา สถาบันการเงินได้เริ่มกลับมาดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่รัฐบาลทหารยังคงจำกัดจำนวนการถอนเงินของประชาชน เพื่อป้องกันเงินไหลออกจากธนาคารต่างๆ
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการเงินระบุว่า ประชาชนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ได้หาช่องทางทำการแปลงเงินจ๊าตเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในตลาดมืด หรือเก็บเงินสดนั้นไว้ที่บ้านของตัวเอง
ปัญหาการขาดแคลนเงินสดได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ โดยแหล่งข่าวในบริษัทตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นร้องเรียนว่า บริษัทมีปัญหาในการจ่ายเงินให้กับคนงาน เนื่องจากขาดแคลนเงินสด
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ภาวะขาดแคลนเงินสดทำให้กองทัพไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้กับทหารตรงตามกำหนด และทำให้บางคนต้องหันเข้าปล้นสะดมประชาชน
แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า ในขณะที่รัฐบาลทหารสามารถสั่งให้ธนาคารกลางของเมียนมาพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อเพิ่มปริมาณเงินนั้น แต่รัฐบาลก็ลังเลที่จะดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากกรณีนี้เคยทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น และนำไปสู่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในวงกว้าง
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ปริมาณเงินของเมียนมาได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทแห่งหนึ่งของเยอรมนีซึ่งจัดหาวัสดุในการพิมพ์ธนบัตรให้กับรัฐบาลเมียนมานั้น ได้ยุติการทำธุรกิจกับเมียนมาหลังการก่อรัฐประหาร
ข่าวระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ตลอดจนยารักษาโรคซึ่งล้วนต้องพึ่งพาการนำเข้า ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
นายฮิโรมาสะ มัตสึอุระ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท มิซูโฮ รีเสิร์ช แอนด์ เทคโนโลยีส์ จำกัดกล่าวว่า ราคาสินค้าในเมียนมาอาจเพิ่มขึ้นโดยรวมมากกว่า 10-15% เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากการหยุดชะงักของระบบโลจิสติกส์หลังการก่อรัฐประหาร
นอกจากนี้ สกุลเงินจ๊าตของเมียนมาได้อ่อนค่าลงแล้ว 20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร
ส่วนกลุ่มที่ก่อตั้งโดยนักเศรษฐศาสตร์ในภาครัฐและเอกชนของเมียนมาที่ต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหารได้ตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจของเมียนมาได้ส่งสัญญาณของการเกิดภาวะเงินเฟ้อแล้ว เนื่องจากเกิดการขาดแคลนสินค้า และเงินจ๊าตอ่อนค่าลงอย่างมาก
ข้อมูลอ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง