ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่อันดับ1 ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส 2 ว่า บริษัทมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาด โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขาย วัคซีนต้านโควิด-19
ไฟเซอร์ซึ่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดร่วมกับ บริษัท บิออนเทค จากเยอรมนี เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 สูงถึง 7,800 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ทำให้บริษัทปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนในปีนี้ว่าจะขยับขึ้นสู่ระดับ 33,500 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้เพียง 26,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่ทำให้วงการสาธารณสุขทั่วโลกต้องมาพิจารณาทบทวนกันว่า ประชากรโลกมีความจำเป็นที่จะต้องฉีด “วัคซีนเข็มที่สาม” เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทานให้เพียงพอต่อการรับมือไวรัสกลายพันธุ์หรือไม่
นอกจากยอดขายเหนือความคาดหมายแล้ว ผลประกอบการของไฟเซอร์ยังดีเกินคาด ดังนี้
นายอัลเบิร์ท เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ กล่าวว่า ไตรมาส 2 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์โดดเด่นอย่างมากในหลายด้าน ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือความพยายามของไฟเซอร์ร่วมกับพันธมิตรอย่างบิออนเทค ช่วยให้โลกได้ฉีดวัคซีนโควิดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ปัจจุบันมีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์-บิออนเทค ที่มีชื่อว่า วัคซีนBNT162b2 ไปทั่วโลกจำนวนกว่า 1,000 ล้านโดสแล้ว
นอกจากนี้ ธุรกิจแผนกอื่น ๆของไฟเซอร์ ก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
สำหรับผลิตภัณฑ์ของไฟเซอร์ที่กำลังเตรียมยื่นเพื่อการพิจารณาอนุมัติของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) คือวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทาน (booster dose) หรือที่เรียกกันว่าวัคซีนเข็มที่สาม สำหรับป้องกันโควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังพัฒนาวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทานที่พุ่งเป้าป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าโดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะเริ่มการทดลองทางคลินิกได้ในเดือนส.ค.นี้
ส่วน โมเดอร์นา เป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่ได้อานิสงส์จากความต้องการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั่วโลกเช่นกัน เมื่อช่วงกลางเดือน (16 ก.ค.) ราคาหุ้นของโมเดอร์นาขยับขึ้นกว่า 8% และหากพิจารณาในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทขยับขึ้นมาแล้วมากกว่า 3 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และได้เข้าร่วมดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องดังกล่าวถือเป็นชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของโมเดอร์นา ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ที่ไม่เพียงใช้ในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ รวมทั้งผลิตยารักษาโรคหัวใจ มะเร็ง และยารักษาปัญหาด้านพันธุกรรมได้ด้วย