สหรัฐ-ญี่ปุ่น-อียู ประกาศบริจาควัคซีนต้านโควิดเพิ่มอีกกว่าพันล้านโดส

23 ก.ย. 2564 | 20:06 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2564 | 03:21 น.

สหรัฐนำขบวนเตรียมบริจาควัคซีนไฟเซอร์ 500 ล้านโดสให้ประเทศยากจนทั่วโลก ขณะที่อียูรับปากบริจาควัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดสเช่นกัน ส่วนญี่ปุ่นให้คำมั่นแล้ว ยินดีร่วมบริจาควัคซีน 30 ล้านโดส

ใน การประชุมวัคซีนซัมมิต ที่ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพ โดยผู้นำส่วนหนึ่งเข้าร่วมการประชุมผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์วานนี้ (23 ก.ย.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แถลงจะซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์จำนวน 500 ล้านโดสเพื่อบริจาคให้แก่ประเทศยากจน

         

การบริจาคดังกล่าวจะทำให้สหรัฐบริจาควัคซีนรวมมากกว่า 1,100 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลก

สหรัฐ-ญี่ปุ่น-อียู ประกาศบริจาควัคซีนต้านโควิดเพิ่มอีกกว่าพันล้านโดส

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า วัคซีนดังกล่าวจะเป็นวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทคที่มีการผลิตในสหรัฐ และจะมีการส่งมอบแก่ประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนม.ค.2565 เป็นต้นไป แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะซื้อวัคซีนไฟเซอร์ในราคา 7 ดอลลาร์/โดส

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้เรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลกดำเนินการมากขึ้นในการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในการประชุมสุดยอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดด้านโรคโควิด-19 กับผู้นำของสหประชาชาติ (UN) องค์การอนามัยโลก (WHO) และประเทศต่างๆ เช่น แคนาดา และอังกฤษ โดยการประชุมจะมุ่งเน้นการสนับสนุนด้านการฉีดวัคซีนให้แก่ประเทศต่างๆ โดยมีการตั้งเป้าให้ประชากรโลกจำนวน 70% ได้รับการฉีดวัคซีนภายในเดือน ก.ย.2565

 

ด้าน นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 30 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของนานาประเทศเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมกัน การบริจาคของญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นแท่นผู้บริจาคอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งและสอง ตามลำดับ

 

ญี่ปุ่นให้คำมั่นดังกล่าวในระหว่างการประชุมออนไลน์ว่าด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯ (23 ก.ย.) ส่งผลให้จำนวนวัคซีนที่ญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะส่งมอบนั้นมีทั้งสิ้น 60 ล้านโดส ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไปแล้วก่อนหน้านี้จำนวนกว่า 23 ล้านโดส โดยครึ่งหนึ่งนั้นส่งมอบให้กับประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

สหรัฐ-ญี่ปุ่น-อียู ประกาศบริจาควัคซีนต้านโควิดเพิ่มอีกกว่าพันล้านโดส

ขณะที่วัคซีนอีกครึ่งหนึ่งนั้น ได้ส่งมอบให้กับ โครงการโคแวกซ์ (COVAX) ของ องค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อแจกจ่ายให้กับประเทศยากจน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังให้คำมั่นที่จะสนับสนุนงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ด้วย พร้อมกันนั้น ยังได้จัดหาเครื่องผลิตออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจมอบให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับแผนการส่งมอบวัคซีนที่เรียกว่า "Last One Mile Support" มีการจัดหารถบรรทุกห้องเย็นและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ใช้ในการแจกจ่ายวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกลด้วย

 

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการกักตุนวัคซีนโดยประเทศที่ร่ำรวย ขณะที่ผู้คนในประเทศยากจนจำนวนมากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้น ปธน.โจ ไบเดน ในฐานะเจ้าภาพจัดประชุม กล่าวว่า สหรัฐเป็นผู้นำของโลกด้านการบริจาควัคซีน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ประเทศอื่น ๆ ที่มีรายได้สูงส่งมอบวัคซีนและให้คำมั่นว่าจะทำเช่นเดียวกัน

 

ในงานเดียวกันนี้ สหภาพยุโรป (EU) ให้คำมั่นที่จะบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่า 500 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆทั่วโลกเช่นกัน