นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความเชื่อมั่นเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของ ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบโดยตรงกับยุโรปเพียงเล็กน้อย เพราะหลัก ๆ แล้วผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงคือจีน
นางลาการ์ดกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า กำลังจับตาสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกมีความเชื่อมโยงกัน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ECB มีความพร้อมที่จะรับมือกับความปั่นป่วนทั่วโลกที่อาจเกิดจากการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์หรือไม่ นางลาร์การ์ดกล่าวว่า "สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ ดิฉันคิดว่า จีนน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า ส่วนจะมีผลกระทบต่อสหรัฐหรือไม่นั้น ดิฉันพูดแทนไม่ได้ แต่สำหรับยุโรป โดยเฉพาะในยูโรโซน ดิฉันมั่นใจว่าผลกระทบโดยตรงจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
การแสดงความเห็นของนางลาการ์ดเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เคยกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสหรัฐ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินทั่วโลก โดยเขาเห็นว่า สถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์จะมีผลกระทบต่อจีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหนี้สินที่สูงมาก
ส่วนในสหรัฐนั้น การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะนี้ ดังนั้น จึงมองว่า ปัญหาหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลกในแง่ของการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น แต่จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อสหรัฐ
ข่าวระบุว่า ผู้บริหารของเอเวอร์แกรนด์ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใด ๆ ต่อบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท แม้ขณะนี้ได้เลยกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้จำนวน 2 งวดแล้วก็ตาม โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินหยวนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565
นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567