นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และ นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ร่วมเปิดตัวยุทธศาสตร์ใหม่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุ เป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องครอบคลุมประชากรโลก 40% ภายในปี 2564 นี้ และเพิ่มเป็น 70% ภายในช่วงกลางปีหน้า
นายกูเตอร์เรส กล่าวในการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกสามารถผลิตวัคซีนต้านโควิด-19ได้เกือบ 1,500 ล้านโดสต่อเดือน ดังนั้น จึงน่าจะสามารถกระจายวัคซีนให้แก่ประชากรในทุกประเทศได้ถึง 40% ก่อนสิ้นปีนี้ หากยูเอ็นสามารถจัดหาเงินทุน 8,000 ล้านดอลลาร์สำหรับใช้ในการแจกจ่ายวัคซีนเหล่านั้นได้อย่างเท่าเทียม
เลขาฯ ยูเอ็น กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่าการไม่สามารถแจกจ่ายวัคซีนอย่างเท่าเทียมได้นั้น ไม่เพียงก่อให้เกิดคำถามเรื่องความไม่ถูกต้องดีงาม แต่ยังทำให้เกิดคำถามเรื่องความโง่เขลาเบาปัญญาด้วย โดยเขาระบุว่า การที่ประเทศพัฒนาแล้ว พยายามเร่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่สองและเข็มที่สาม จะไม่ได้ผลอะไรเลย หากประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ ของโลกยังคงไม่ได้ฉีดวัคซีน และยังคงมีการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสที่เป็นตัวการของโรคระบาดดังกล่าว เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
ด้านนายเกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า ขณะนี้มีการแจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 6,500 ล้านโดสทั่วโลก แต่ยังขาดอีก 5,000 ล้านโดสเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ประชากรโลก 70% ภายในกลางปีหน้า (2565) ซึ่งสามารถทำได้หากพิจารณาจากอัตราการผลิตวัคซีนในทุกวันนี้
ผู้บริหารสูงสุดของ WHO ย้ำว่า ปัญหาเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิดในตอนนี้ ไม่ใช่การผลิตไม่เพียงพอ แต่เป็นปัญหาที่การกระจายวัคซีนเหล่านั้นไม่ทั่วถึงและไม่เป็นไปอย่างเท่าเทียมกันมากกว่า
WHO เปิดเผยว่า เป้าหมายเดิมคือการฉีดวัคซีนให้ประชากรทุกประเทศอย่างน้อย 10% ภายในเดือนกันยายนปีนี้นั้น ไม่เป็นไปตามเป้า โดยยังมี 56 ประเทศที่ยังไม่สามารถทำได้ ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งต้องการวัคซีนรวมกันอีกอย่างน้อย 200 ล้านโดสเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ผู้อำนวยการ WHO ยอมรับว่า การจะทำเป้าหมายการฉีดวัคซีนต้านโควิด ครอบคลุมประชากรโลกถึง 40% ให้เกิดขึ้นได้จริงภายในปีนี้นั้น จะต้องมีการปรับเปลี่ยนลำดับขั้นก่อนหลังของประเทศที่จะได้รับวัคซีนบริจาคจาก โครงการโคแวกซ์ (COVAX) กล่าวคือ ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนเกิน 10% แล้วควรเสียสละให้ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำเป็นประเทศที่ได้รับวัคซีนบริจาคก่อน
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ใหม่ยังรวมถึงการแบ่งปันเทคโนโลยีการคิดค้นพัฒนาและใบอนุญาตวัคซีนของประเทศพัฒนาแล้วให้แก่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งขอให้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ เร่งผลิตให้กับโครงการของยูเอ็นและ WHO ก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อจะได้แจกจ่ายให้ประเทศรายได้ต่ำอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินต่างๆ ก็สามารถมีบทบาทสำคัญในการให้เงินทุนแก่ประเทศที่ขาดแคลนปัจจัยสำหรับการขนส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร เป็นต้น
ทั้งนี้ WHO ยังคงเน้นย้ำถึงกระบวนการฉีดวัคซีน 3 ลำดับให้แก่ประชาชนในประเทศต่าง ๆ โดย