ทางการ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ประกาศเปิด โครงการทราเวลบับเบิล (Travel Bubble) ระหว่าง 2 ประเทศ มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 29 พ.ย. โดยนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางข้ามพรมแดนทั้งทางบกและทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภายใต้ โครงการ Vaccinated Travel Lane (VTL) ซึ่งจะอนุญาตให้นักเดินทางสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวนั้น ผู้ที่เดินทางโดยรถขนส่งผ่านยะโฮร์-สิงคโปร์ คอสเวย์ ที่เชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ จะต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ 2 วันก่อนการเดินทาง
สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ว่า "มาเลเซียและสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่แล้วกว่า 95% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถเปิดพรมแดนทางบกได้อีกครั้งในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป ปลอดภัย เป็นระบบ และยั่งยืน"
ขณะที่นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า ก่อนที่โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ทางหลวงยะโฮร์-สิงคโปร์ คอสเวย์ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางสัญจรที่คึกคักมากที่สุดในโลก พร้อมระบุว่า โครงการ VTL นับเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงผู้คนและเศรษฐกิจของทั้งสองดินแดนเข้าด้วยกันอีกครั้ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สิงคโปร์เป็นประเทศต้นทางนักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ของมาเลเซีย โดยในปี 2019 ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น มีนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์มาเยือนมาเลเซียถึง 10 ล้านคนโดยประมาณ แต่หลังจากที่โควิดอุบัติขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากสิงคโปร์มายังมาเลเซียก็ดำดิ่งลงเหลือเพียง 1.5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา (2020) ขณะที่ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ลดลงจาก 1.2 ล้านคนในปี 2019 เหลือไม่ถึง 154,000 คนในปี 2020
นอกจากมาเลเซียแล้ว สิงคโปร์มีโครงการ VTL (vaccinated travel lanes) ลักษณะคล้าย ๆกันนี้ กับประเทศอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย
แต่สำหรับมาเลเซีย โครงการทราเวลบับเบิลที่มีกับสิงคโปร์ถือเป็นโครงการแรก นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดประเทศบางส่วนโดยเริ่มเปิดเกาะลังกาวีในลักษณะ “แซนด์บ็อกซ์” เช่นเดียวกับเกาะภูเก็ตของไทย
ข้อมูลอ้างอิง