เพื่อเป็นการสกัดไม่ให้ไวรัสโควิด “โอไมครอน" ซึ่งเป็น ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ แพร่ระบาดเข้าสู่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 29 พ.ย. 64 สหรัฐจะห้ามผู้เดินทางจาก 8 ชาติในแอฟริกาเข้าประเทศ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อวันศุกร์ (26 พ.ย.) ว่า สหรัฐจะกำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทางทางอากาศกับ 8 ประเทศในแอฟริกา ซึ่งประกอบด้วย แอฟริกาใต้, บอตสวานา, ซิมบับเว, นามิเบีย, เลโซโท, เอสวาตินี, โมซัมบิก และมาลาวี
สหรัฐเดินตามรอยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส
ทั้งนี้ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้าไม่ให้ไวรัสโควิด “โอไมครอน" ซึ่งเป็นไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ แพร่ระบาดเข้าสู่สหรัฐ ประธานาธิบดีไบเดนประกาศมาตรการดังกล่าวตามคำแนะนำของนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว และหลังจากที่ประเทศอื่น ๆ รวมถึงอังกฤษ แคนาดา และฝรั่งเศส ได้ประกาศข้อจำกัดการเดินทางในลักษณะคล้าย ๆกัน
สื่อสหรัฐรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงว่า ข้อจำกัดด้านการเดินทางดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้บังคับใช้กับพลเมืองสหรัฐและผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นยังคงต้องแสดงหลักฐานการตรวจเชื้อโควิดเป็นลบก่อนเดินทางเข้าสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดน ใช้โอกาสนี้ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันและประชาชนทั่วโลก เร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อเป็นมาตรการเชิงป้องกัน
อียูเตรียมออกคำแนะนำเพื่อประสานความร่วมมือ
ในวันเดียวกันนั้น (26 พ.ย.) คณะกรรมการธิการยุโรป (EC) เตรียมประกาศคำแนะนำให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) มีคำสั่งระงับ “การเดินทางทั้งหมด” จากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งยังมีเพียงไม่กี่ประเทศและส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของ EC นั้นไม่มีผลบังคับใช้ในทางกฎหมาย เนื่องจากอำนาจการตัดสินใจระงับการเดินทางเป็นของรัฐบาลของแต่ละประเทศ แต่คำแนะนำของ EC จะช่วยให้การประสานงานระหว่างประเทศในด้านนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
"เราต้องการให้มีการใช้มาตรการอย่างรวดเร็วโดยมีการร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่กระจายมาถึงยุโรปได้" โฆษกของ EC ระบุ
ก่อนหน้านี้ อังกฤษซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ได้ประกาศระงับเที่ยวบินจาก 6 ประเทศของทวีปแอฟริกาเป็นการชั่วคราว หลังมีรายงานพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ โดยประเทศทั้ง 6 ได้แก่ นามิเบีย เลโซโท ซิมบับเว บอตสวานา เอสวาตีนี และแอฟริกาใต้
WHOวอนนานาชาติอย่าเพิ่งรีบแบนเที่ยวบิน
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ขอให้นานาประเทศอย่าเพิ่งรีบออกมาตรการยับยั้งการเดินทางอันเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด “โอไมครอน” โดยขอให้ใช้เวลาประเมินความเสี่ยงและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก่อน
นายคริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษกของ WHO แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "ในขณะนี้ เราไม่แนะนำให้ออกมาตรการยับยั้งการเดินทาง" และเสริมว่า WHO แนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ยึดมั่นกับแนวทางในการประเมินความเสี่ยงและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก่อนการตัดสินใจใด ๆ
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังอังกฤษประกาศระงับเที่ยวบินจาก 6 ประเทศของทวีปแอฟริกาเป็นการชั่วคราว ตามมาด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา
สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ในช่วงแรก ๆที่ประเทศบอตสวานา แอฟริกาใต้ และฮ่องกง แต่ต่อมา มีรายงานข่าวการตรวจพบในยุโรปและอิสราเอลด้วยแล้ว โดยกรณีของอิสราเอลเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกที่เดินทางกลับจากประเทศมาลาวีในแอฟริกา
ส่วนกรณีของเบลเยี่ยมนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงการเปิดเผยของนายมาร์ค ฟาน แรนสต์ นักไวรัสวิทยาชื่อดังของเบลเยียม ที่โพสต์ทางทวิตเตอร์ส่วนตัว @vanranstmarc ระบุว่า เบลเยียมพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่รายแรกแล้ว เป็นผู้ที่เดินทางมาจากอียิปต์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. แต่เพิ่งแสดงอาการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา