นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปใน 23 ประเทศทั่วโลก และ WHO คาดการณ์ว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก
ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญกำลังทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถในการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งอาการรุนแรงของโรคที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทต่างๆกำลังทดลองวัคซีนและยาที่จะรับมือไวรัสดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ทีโดรสระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงครองสัดส่วนมากที่สุดในจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก และการใช้มาตรการในการสกัดไวรัสสายพันธุ์เดลตาก็จะช่วยสกัดสายพันธุ์โอไมครอนได้เช่นกัน
สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนรายแรกแล้ว
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์
เจ้าหน้าที่ CDC เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกนี้ได้เดินทางไปยังแอฟริกาใต้ และเดินทางกลับสู่สหรัฐเมื่อวันที่ 22 พ.ย. และมีผลตรวจเชื้อเป็นบวกใน 7 วันหลังจากนั้น
ด้านนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ และขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้เข้ารับการกักตัว อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ
นายแพทย์เฟาชียังกล่าวด้วยว่า อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น จึงจะทราบว่าไวรัสโอไมครอนสามารถแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายเพียงใด, ไวรัสจะก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงมากเพียงใด และไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่