หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รายแรกในสหรัฐเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการให้นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นบนเครื่องบิน รถไฟ หรือรถประจำทาง จนถึงวันที่ 18 มี.ค. 2565 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้
โดยคาดว่ารัฐบาลสหรัฐจะประกาศมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนที่จะเข้าหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการรับมือโควิด-19 ช่วงฤดูหนาวในวันนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมาตรการสวมหน้ากากอนามัยเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่รัฐบาลจะงัดมาใช้สกัดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ปัจจุบัน CDC ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยแต่ยังพบว่านักเดินทางบางคนไม่ยอมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะในสายการบินของสหรัฐ
ทั้งนี้องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ทางองค์กรได้รับรายงานจากสายการบินว่ามีผู้โดยสาร 3,923 คนปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากอนามัย โดยทางองค์กรมีแผนที่จะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดกับผู้โดยสารที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎการควบคุมโรค
อนึ่งเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) CDC ของสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐโดยผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อ 22 พ.ย.64และตรวจพบเชื้อในวันที่ 29 พ.ย.64 ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการกักตัว ส่วนผลการตรวจผู้เกี่ยวข้องกับผู้สัมผัสใกล้ชิดจนถึงตอนนี้ ยังได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นลบ