ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ได้ทำให้เด็กชาวสหรัฐรายใหม่หลายพันคนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งเพิ่มความวิตกครั้งใหม่ว่า ชาวอเมริกันที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จะติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลวานนี้ (31 ธ.ค.64) บ่งชี้ว่า จำนวนเด็กที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเฉลี่ยต่อวันในรอบ 7 วันระหว่างวันที่ 21-27 ธ.ค.นั้น เพิ่มขึ้นมากกว่า 58% ทั่วประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 334 ราย เมื่อเทียบกับราว 19% สำหรับทุกกลุ่มอายุ
CDC ระบุว่า ในจำนวนชาวอเมริกันที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวน 74 ล้านคนนั้น มีผู้ฉีดวัคซีนแล้วน้อยกว่า 25%
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะพุ่งขึ้นทั่วสหรัฐ ขณะที่โรงเรียนต่าง ๆ จะเริ่มเปิดเรียนในสัปดาห์หน้าหลังจากวันหยุดฤดูหนาว
บรรดาแพทย์ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า ไวรัสโอมิครอนทำให้อาการเจ็บป่วยในเด็กรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่ แต่ความสามารถในการแพร่ระบาดได้สูง นับเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่เพิ่มจำนวนการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ดร.เจนนิเฟอร์ นายัค ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและกุมารแพทย์ของมหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์โรเชสเตอร์กล่าวว่า "ประชาชนจะติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเราได้เห็นเด็ก ๆ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น"
"สิ่งที่เราเห็นก็คือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปียังคงไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้น จึงยังมีเด็กจำนวนมากที่ไม่มีภูมิต้านทานไวรัสนี้" ดร.นายัคกล่าว
ในนครนิวยอร์กนั้น เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ต้องเข้าโรงพยาบาล มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 22 รายในสัปดาห์ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค. สู่ระดับ 109 รายในระหว่างวันที่ 19-23 ธ.ค. โดยเกือบครึ่งของจำนวนเด็กที่ต้องเข้าโรงพยาบาลมีอายุต่ำกว่า 5 ปี
ส่วนการเข้าโรงพยาบาลของผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีในรัฐนิวยอร์กนั้นอยู่ที่ 184 รายในระหว่างวันที่ 19-23 ธ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 70 รายในระหว่างวันที่ 5-11 ธ.ค.
ทั้งนี้ นครนิวยอร์กซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกานั้น เด็กอายุ 5-17 ปีมีเพียงราว 40% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเมื่อเทียบกับสัดส่วนมากกว่า 80% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีวัคซีนใดที่ได้รับอนุมัติสำหรับฉีดให้กับเด็ก ๆ ในสหรัฐที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี