ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กจัดให้ นาย ฉางเผิง จ้าว หรือ ซีซี ( CZ) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ บริษัทไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก ให้เป็นหนึ่งในอภิมหาเศรษฐีระดับโลก ด้วยสินทรัพย์อย่างน้อย 96,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบชั้นกับนายแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยี “ออราเคิล” นายแลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งบริษัทกูเกิล รวมทั้งนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอบริษัท เมทา และผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก
ในการประเมินความมั่งคั่งของฉางเผิง จ้าว ซึ่งเป็นการประเมินครั้งแรกของบลูมเบิร์ก โดยเทียบเคียงกับความมั่งคั่งของบุคคลอื่น ๆ ในดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) พบว่า ความร่ำรวยของเขานั้น เหนือกว่านายมูเกช อัมบานี อภิมหาเศรษฐีชาวอินเดีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับ1 ในเอเชียอีกด้วย บลูมเบิร์กระบุว่า เอาจริง ๆ จ้าวอาจร่ำรวยมากกว่านี้เนื่องจากยังไม่ได้นับรวมสินทรัพย์ในรูปเงินคริปโตฯที่เขาถือในบัญชีส่วนตัว รวมทั้งเงินดิจิทัลในสกุล “ไบแนนซ์คอยน์” (Binance Coin) หรือ “บีเอ็นบี” (BNB) ของบริษัทเขาเองซึ่งราคาพุ่งขึ้นราว 1,300% ในรอบปีที่ผ่านมา
ฉางเผิง จ้าว ชาวจีนถือสัญชาติแคนาดาวัย 44 ปี มีเชื้อสายบรรพบุรุษจากมณฑลเจียงซู การก่อร่างสร้างตัวด้วยความสามารถและลำแข้งของตัวเองภายในเวลาอันรวดเร็วทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่สร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วจาก “เงินเสมือน” หรือเงินคริปโตฯ เขาก่อตั้งบริษัทไบแนนซ์ในปี 2560 จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายธุรกิจจนเติบโตกลายเป็นแพลตฟอร์มค้าขายเงินคริปโตฯ รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
จากเด็กหนุ่มในครอบครัวชาวจีนผู้อพยพย้ายถิ่นในแคนาดา ปัจจุบันจ้าวใช้ชีวิตหรูหราท่ามกลางสังคมไฮโซระดับโลก เขากลายเป็นคนคุ้นเคยในสังคมระดับสูงของอาบูดาบีที่ให้ความสนใจนำแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์คริปโตฯ เข้าไปนำล่องในประเทศ
ครอบครัวของฉางเผิง จ้าว เป็นผู้อพยพย้ายถิ่นจากจีนไปปักหลักพำนักในแคนาดา สมัยวัยรุ่นจ้าวเคยทำงานในร้านแมคโดนัลด์ในเมืองแวนคูเวอร์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวหารายได้ ตกกลางคืนยังไปรับจ๊อบเป็นเด็กปั๊มน้ำมันหาเงินส่งตัวเองเรียน หลังจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแมคกิลในมอนทรีออล เขาทำงานด้านซอฟต์แวร์ซื้อขายหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและบลูมเบิร์ก
ปี 2548 จ้าวลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาเทรดบุ๊คฟิวเจอร์สของบลูมเบิร์ก ย้ายมาเริ่มต้นบริษัทฟิวชันซิสเต็มส์ในมหานครเซี่ยงไฮ้ เป็นการกลับคืนสู่ถิ่นกำเนิดเพื่อเดินหน้าสู่ชีวิตใหม่ที่ไกลเกินฝัน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทไบแนนซ์เปิดเผยว่า จ้าวเริ่มเรียนรู้เรื่องบิตคอยน์ในปี 2556 ระหว่างเล่นไพ่โป๊กเกอร์ เขาตัดสินใจทุ่มเททั้งชีวิตโดดลงสนามคริปโตเคอร์เรนซี ถึงขนาดยอมทุ่มขายอพาร์ทเมนท์เพื่อนำเงินมาลงทุนซื้อบิตคอยน์
แม้จะถูกแบนจากประเทศจีนแล้วในเวลานี้ แต่จ้าวก็ยังผลักดันธุรกิจการซื้อขายเงินคริปโตฯให้ก้าวหน้าต่อไปท่ามกลางกระแสกดดันและการเพ่งเล็งตรวจสอบในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งอังกฤษ แคนาดา เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา จ้าวเองยอมรับว่า การมีกฎระเบียบที่ชัดเจนมีความสำคัญยิ่งสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะกฎระเบียบเหล่านี้คือพื้นฐานให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจ รู้สึกปลอดภัยเมื่อเข้ามามีส่วนร่วมทำธุรกรรมใด ๆในตลาดคริปโตฯ
ปัจจุบัน ธุรกิจของไบแนนซ์ทำรายได้อย่างน้อย 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์รายได้ในปีที่แล้วของบริษัทคอยน์เบส โกลบัล ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลจากสหรัฐเกือบสามเท่า
ในแง่ความมั่งคั่ง ฉางเผิง จ้าว ซึ่งปัจจุบันมีถิ่นพำนักในสิงคโปร์ ติดอันดับ 22 ในบรรดา 50 เศรษฐีสิงคโปร์ประจำปีที่ผ่านมา (Singapore's 50 Richest 2021) ผู้สื่อข่าวบลูมเบิร์กเคยสัมภาษณ์เขาปลายปี 2564 เกี่ยวกับความร่ำรวยและอันดับในดัชนีบรรดาอภิมหาเศรษฐีโลก จ้าวกล่าวว่า เขาไม่เคยสนเรื่องความร่ำรวย เงินทอง หรืออันดับใดๆทั้งนั้น “เรื่องพวกนี้ทำให้พวกคุณหลุดโฟกัสจากสิ่งสำคัญแท้จริง” เขากล่าวว่าก่อนตายอยากจะบริจาคสรรพสิ่งที่มีให้คนอื่นไปซึ่งเขาเตรียมตัวเรื่องนี้ไว้แล้ว
ข้อมูลอ้างอิง
World’s Biggest Crypto Fortune Began With a Friendly Poker Game